เชื่อว่าตอนนี้เทรนด์การต่อเล็บกำลังเป็นที่นิยม และเป็นอีกเทรนด์ที่สาวๆ ไม่พลาด เพราะทำให้เล็บดูสวย ได้ทรง ยาวได้ดั่งใจ แถมยังคงทนแข็งแรง แต่การต่อเล็บมีหลากหลายประเภท แล้วจะต่อแบบไหนจึงจะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราล่ะ งานนี้ Hairworld Plus+ มีคำตอบ
ต่อเล็บ PVC
ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการติดเล็บปลอม ซึ่งช่างจะใช้กาวสำหรับติดเล็บปลอบ ติดเล็บ PVC ลงบนเล็บจริง ก่อนจะตัดแต่งทรง และเพ้นท์ลวดลายตามต้องการ
ความคงทน : 7-10 วัน
ข้อดี : สวย ต่อง่าย สะดวกสบาย ราคาไม่แพง
ข้อเสีย : ไม่ทนทาน ยิ่งโดนน้ำยิ่งหลุดง่าย และถ้าเล็บปลอมขนาดไม่พอดีกับเล็บจริง ก็มีโอกาสที่น้ำจะเข้า เกิดเชื้อราได้
ต่อเล็บอะคริลิก
เป็นการต่อเล็บที่ได้รับความนิยม เพราะแข็งแรง ทนทาน สามารถปรับทรงเล็บได้ตามต้องการ โดยการใช้ผงอะคริลิกผสมกับน้ำยา ก่อนจะนำมาปั้นขึ้นฟอร์มเล็บให้ได้ทรงและความหนาตามต้องการ ก่อนจะตกแต่งลวดลายตามชอบ ซึ่งการต่อเล็บอะคริลิกต้องทำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะมีขั้นตอนมากมาย และวิธีการค่อนข้างยาก
ความคงทน : 1 เดือนขึ้นไป
ข้อดี : สวย แข็งแรงทนทาน และสามารถสร้างสรรค์ลวดลายได้หลากหลาย
ข้อเสีย : ราคาค่อนข้างสูง ใช้เวลานาน มีกลิ่นฉุนเวลาต่อ และหากเจอช่างไม่ดีอาจทำให้เล็บเสียหายได้
ต่อเล็บเจล
การต่อเล็บเจลกำลังฮิตที่สุดในขณะนี้ เพราะใช้เวลาไม่นาน มีความแข็งแรง คงทน ให้เล็บที่เงา ดูสวยงาม วิธีการไม่ยุ่งยากเท่าการต่อเล็บอะคริลิก เพราะเพียงแค่ใช้เจลต่อเล็บขึ้นฟอร์ม สร้างรูปทรงเล็บขึ้นได้เลย แล้วจึงเพ้นท์ลวดลายหรือตกแต่งตามต้องการ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการต่อเล็บให้ยาวมาก และไม่ใช้เล็บสมบุกสมบันมากนัก
ความคงทน : 2 สัปดาห์ – 1 เดือน
ข้อดี : สวย ค่อนข้างแข็งแรง ยืดหยุ่นคล้ายเล็บจริง ไม่มีกลิ่นฉุนเวลาต่อ ใช้เวลาไม่นาน
ข้อเสีย : หากเตรียมหน้าเล็บไม่ดีมีโอกาสหลุดร่อนง่าย ต้องใช้เครื่องอบ UV/LED ช่วยในการต่อเท่านั้น ไม่แข็งแรงเท่าเล็บอะคริลิก
ทราบความแตกต่างของการต่อเล็บแต่ละแบบแล้ว เชื่อว่าสาวๆ น่าจะเลือกวิธีการต่อเล็บได้เหมาะกับตัวเอง ซึ่งอย่าลืมว่าควรทำเล็บกับช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้เล็บสวย แข็งแรง และไม่เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาภายหลังค่ะ