ถ้าพูดถึงชื่อ วิดัล แซสซูน (Vidal Sassoon) คนทั่วไปก็คงนึกถึงชื่อแชมพูหรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียม ส่วนในวงการช่างผม ชื่อนี้เป็นที่รู้จักในฐานะสถาบันสอนทำผมชื่อดัง ซึ่ง วิดัล แซสซูน ก็นับเป็นช่างผมระดับตำนาน ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยฝีมือตัดแต่งทรงผม และสไตล์การออกแบบทรงผมที่โดดเด่น ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 60 โดยเฉพาะ ทรงผมบ๊อบ จนได้รับฉายาว่า “อัจฉริยะแห่งวงการเส้นผม” ,“ผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกด้วยกรรไกร” ที่ปฏิวัติวงการเสริมสวยด้วยกรรไกรเพียงเล่มเดียว วันนี้ขอพาไปย้อนประวัติ เปิดตำนานช่างผมระดับโลกคนนี้กัน
วิดัล แซสซูน เกิดเมื่อ มกราคม ปี 1928 ที่ลอนดอน เขาเริ่มเป็นที่สนใจในวงการแฟชั่นในปี 1963 ซึ่งในยุค 60 เป็นช่วงที่ผู้หญิงค่อนโลกนิยมเข้าร้านเสริมสวยเพื่อเซ็ตทรงผมยีฟูตั้งกระบังลม ที่อยู่ได้ทั้งวัน เปลี่ยนแปลงทรงยาก และมีความเป็นผู้หญิงสูง ซึ่งเป็นสไตล์นิยมในสมัยนั้น วิดัล แซสซูน เป็นช่างผมคนแรกที่อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็น “พิมพ์นิยม” ของสาวๆ ในสมัยนั้น เพราะเขามีแนวคิดที่ต้องการให้ผู้หญิงดูโมเดิร์นมากขึ้น และเป็นอิสระจากกรอบแนวคิดของรูปแบบทรงผมแนวเดิมๆ อยากปัด อยากหวี อยากให้มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งในปี 1963 เขาได้มีโอกาสออกแบบทรงผมให้กับดาราฮอลลีวูดหลายท่านซึ่งกลายมาเป็นทรงผมสุดฮิตในช่วงเวลานั้นๆ จนกระทั่งปีต่อมาเขาก็ได้แสดงฝีมืออีกครั้ง ด้วยการรังสรรค์ทรงผมแบบ 5point ทรงผมซอยสั้น เปิดหลังเผยให้เห็นต้นคอ ตัดปลายแหลมไว้ตรงข้างหู และซอยเป็นรูปตัว W ที่ท้ายทอย เป็นการผสมผสานความคลาสสิกและดีไซน์รูปทรงเรขาคณิต ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะยุคโมเดิร์น ซึ่งทรงผม 5point cut ก็เป็นกระแสไปทั่วทั้งลอนดอน
ยุคทองของวิดัล หนีไม่พ้นตอนที่เขาได้เปลี่ยนทรงผมให้กับดารามากมาย หนึ่งในนั้น มีอา ฟาโรว์ นางเอกฮอลลีวู้ดที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น จนเกิดกระแสใหญ่โต ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกต้องการทำทรงแบบเดียวกับ มีอา ฟาโรว์ ทำให้ชื่อเสียงของวิดัลกระจายไปทั่วโลก
นอกจากร้านตัดผมวิดัล แซสซูนแล้ว วิดัลยังเปิดสถาบันสอนตัดผมอีกด้วย โดยตอนนี้สถาบันสอนทำผม “แซสซูน อคาเดมี่” มีสาขากว่า 30 แห่งทั่วโลก และกูรูช่างผมเมืองไทยหลายท่านก็จบจากสถาบันนี้ด้วย
แม้วิดัลจะล่วงลับไปแล้ว แต่ตำนานช่างผมคนดัง วิดัล แซสซูน ยังคงเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับช่างผมรุ่นใหม่อีกหลายพัน หลายหมื่นคนทั่วโลก ให้เกิดแรงผลักดันและพร้อมยืนหยัดที่จะสานฝันในอาชีพช่างทำผมของตน HW+ รอวันที่จะได้เห็นตำนานช่างผมบทใหม่จากช่างผมไทยรุ่นใหม่บ้าง
Cr. www.washingtonpost.com