เมื่อร้านทำผมได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากที่ภาครัฐช่วยคลายล็อกให้กับอาชีพช่างผม ให้ช่างผมได้กลับมาถือกรรไกรตัดผมอีกครั้ง พร้อมกับการเกิด “New Normal” หรือวิถีชีวิตใหม่มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสวมเฟซชิลด์ หรือการนัดคิวลูกค้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อการป้องกันโควิด และทุกร้านก็ต้องมีต้องใช้ แต่มี “สิ่งประดิษฐ์ใหม่” เป็น New Normal ที่แสนจะน่าทึ่งอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในร้านทำผม ก็คือ “กล่องใสอะคริลิค” ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนเตียงสระผม สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิดระหว่างช่างผมและลูกค้า ซึ่ง Hairworld Plus+ เห็นแล้ว อดที่จะนำมาให้ชมกันไม่ได้
“กล่องใสอะคริลิค” นี้ อยู่ที่ร้าน Venus Hair Team ซึ่งเจ้าของไม่ใช่ใครที่ไหน คือ ดร.ติ่ง-ทศพร นพวิชัย อุปนายกสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย และนักเขียนกิตติมศักดิ์ นิตยสาร Hairworld Plus+ นั่นเอง มาติดตามที่มาที่ไปของ “กล่องใสอะคริลิค” พร้อมกับแนวคิดดีๆ ในการปรับตัวปรับชีวิตช่วงโควิด ของ ดร.ติ่ง ทศพร กันได้เลย

ชีวิตช่วงปิดร้านเป็นอย่างไร
เรียกว่าเป็นการหยุดงานนานที่สุดในชีวิตการเป็นช่างผม ในรอบ 33 ปีเลย เพราะในชีวิตไม่เคยหยุดงานอะไรนานขนาดนั้น แต่ก็ไม่รู้สึกเครียดอะไร ปกติผมเป็นคนมองโลกในแง่บวกอยู่แล้ว เลยคิดว่าโควิดครั้งนี้ทำให้เราได้ชาร์จแบต เติมพลังชีวิต และมองว่าทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง และจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าใครปรับตัวไม่ทันก็อาจจะมีปัญหาได้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะพักผ่อน ถือโอกาสอยู่กับครอบครัว และมีกิจกรรมอย่างนึงที่ทำก็คือ จะฝึกเล่นโยคะกันหลายๆ คนกับเพื่อนๆ ผ่านทางโปรแกรม Zoom ครับ

เจอปัญหาอะไรบ้างจากการถูกสั่งปิดร้าน
เรื่องปัญหาทางการเงินที่เจ้าของร้านหรือช่างผมหลายคนเจอ โดยส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไร เพราะถูกสอนมาเสมอมาว่า ในการทำธุรกิจนั้นอย่างน้อยต้องเตรียมทุนสำรองไว้ 6-12 เดือน ตามลักษณะของธุรกิจ และตามความพร้อมของตัวเองด้วย ส่วนตัวผมเองไม่ทำธุรกิจที่ลงทุนเกินตัว หรือยังไม่พร้อม และยึดมั่นในหลักเศรษฐกิจพอเพียง มองว่างานทำผมเป็นศิลปะ ทำแต่พอดีครับ พอมาเจอวิกฤติแบบนี้ก็เลยไม่มีปัญหามาก ส่วนหลายร้านเจอปัญหาเรื่องค่าเช่านั้น ทางผู้เช่าที่ร้าน Venus เช่าอยู่ก็น่ารักมาก ลดค่าเช่าให้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับพนักงานของร้านผมก็ช่วยเหลือ จ่ายเงินให้พวกเขาเต็มเดือนเป็นเวลา 2 เดือน เพราะเราก็เข้าใจว่าพนักงานแต่ละคนก็มีภาระต้องรับผิดชอบ มีค่าใช้จ่ายส่วนตัว แต่ก็ต้องพูดตรงๆ เลยว่าถ้าเดือนสองเดือนเรายังจัดการให้ได้ แต่ถ้านานกว่านั้นเราคงต้องมาคุยกันใหม่แล้ว แต่ก็พอดีว่าเราได้กลับมาเปิดร้านกันได้แล้ว
หลังจากได้ข่าวเปิดร้านได้แล้ว เตรียมความพร้อมอะไรบ้าง
ช่วงที่ได้หยุดงานก็ทำให้เรานึกถึงว่าถ้าเปิดร้านมาเราจะวิธีอะไรที่จะช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยของตัวช่างและลูกค้าได้บ้าง และพอดีว่าได้คุยกับเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของ บจก.สยามวิคเกอร์ ซึ่งรับทำกล่องอะคริลิคใสนี้ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อให้คุณหมอใช้ระหว่างทำหัตการหรือดูแลคนไข้ เขาก็ถามว่าสนใจทำตัวนี้ไหม เราก็บอกว่าสนใจ และได้ช่วยกันออกแบบกล่องอะคริลิคเพื่อใช้ในการสระผมเพื่อลดการแพร่เชื้อโควิดระหว่างช่างผมและลูกค้า ช่วงสองอาทิตย์ก่อนเปิดร้านเราก็เลยจะเข้าร้านบ่อยมาก เพื่อไปทดสอบเจ้าตัวกล่องอะคริลิคนี้ เรียกลูกน้องมาลองสระผม ก็ปรับกันอยู่หลายรอบเพื่อให้ใช้งานได้จริงๆ เพราะตัวคนที่ออกแบบเขาก็ไม่ใช่ช่างผม ไม่รู้ความต้องการของช่าง พอเสร็จเรียบร้อยจึงส่งให้กรมอนามัยดู เขาก็ชอบมาก เพราะเห็นว่าช่วยเรื่องป้องกันเรื่องแพร่เชื้อระหว่างช่างกับลูกค้าได้
แนวคิดในการออกแบบคืออะไร
เน้นเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัย เพราะเพื่อนที่เขาออกแบบก็เป็นผู้บริโภค เป็นลูกค้าร้านทำผมด้วย ก็เลยอยากคิดทำอะไรเพื่อปลอดภัยด้านนี้ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เพียงแค่ให้คำแนะนำ และช่วยกันออกแบบเท่านั้น เพราะถึงช่างผมจะใส่เฟซชิลด์ สวมแมสแล้วก็ตาม งานสระผมที่เตียงสระถ้าต้องเผื่อไปถึงการล้างเคมี สี ดัด ยืด หรือทรีทเม้นท์ด้วย ซึ่งใช้เวลามากกว่าสระผมปรกติ หากนำมาตรการบังคับระยะห่าง แบบไม่กระทบการทำงานด้วย ระยะห่างที่กล่องออกแบบไว้ จะช่วยรับรอง ทั้งช่างผมและลูกค้า ให้มีความมั่นใจขึ้นอีกชั้นหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังไม่มีชื่อเรียกครับ เป็นสิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมต่อยอด คิดต่างเบื้องต้น เสริมการป้องกันโควิด
ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการออกแบบ
ต้นทุนที่ใช้ต่อกล่องก็อยู่ที่ประมาณ 2,000 กว่าบาท ซึ่งก็ไม่ถือว่าสูงมาก ราคาเท่ากับไดร์เป่าผมที่เราซื้อใช้ในร้าน และวัสดุที่ใช้ก็ค่อนข้างทนทาน สามารถใช้ได้นาน ส่วนถ้าร้านไหนอยากนำไปปรับใช้เป็นอุปกรณ์อื่นๆ ก็ลองดูได้
ลูกค้าที่ได้มาใช้กล่องนี้ รู้สึกยังไงกันบ้าง
ลูกค้าก็ตื่นเต้นและชอบกัน อย่างลูกค้าที่เป็นหมอก็ชอบมาก เหมือนเป็นการประยุกต์อุปกรณ์การแพทย์มาใช้ในร้านทำผม ตัวเราก็รู้สึกปลื้มมาก เพราะตั้งใจทำเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าจริงๆ
ช่างผมที่ร้านใช้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง มีปัญหาการใช้งานไหม
ก็ต้องปรับตัวกันบ้าง แต่อุปกรณ์นี้ก็ถือเป็น New Normal ในร้านทำผม ช่วงแรกๆ ที่ใช้งานอาจจะไม่ถนัด แต่ก็อยากให้รู้จักปรับตัว
มีความเห็นเกี่ยวกับมาตรการของรัฐอย่างไร
ในเรื่องมาตรการด้านป้องกันการแพร่เชื้อนั้นหลักๆ แล้วก็เห็นด้วย และหลายข้อก็เป็นสิ่งที่ร้านเราทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบนัดคิว การลงประวัติหรือข้อมูลลูกค้า และการใส่แมสก์ ส่วนการใส่เฟซชิลด์นั้นก็อาจจะลำบากบ้าง เพราะใส่นานๆ ก็จะอึดอัดหายใจไม่ค่อยออก และมันจะเริ่มไม่ใสไม่ชัดแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นทางด้านอุปกรณ์เสริมมากกว่า และเป็นสิ่งที่ยอมรับได้
ฝากถึงช่างผม
เหตุการณ์นี้ทำให้คนในสังคมหันกลับมามองว่าอาชีพช่างทำผมมีความสำคัญมากขึ้น และเป็นอาชีพที่จำเป็นสำหรับคนทุกระดับชั้นในสังคม เพราะเราจะเห็นว่ามีหลายๆ คนที่เรียกร้องอยากให้ร้านทำผมกลับมาเปิดได้ในระดับต้นๆ ก็อยากให้ช่างผมทุกคนภูมิใจในอาชีพของเรา และช่วยกันพัฒนา ยกระดับอาชีพช่างผมให้เป็นอาชีพที่มีเกียรติต่อไป