หลังจากที่ Hairworld Plus+ ได้พาช่างทำผมชื่อดังมาเปิดเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันและเรื่องราวน่าสนใจกันไปแล้วหลายท่าน ฉบับนี้ขอพาไปสัมผัสเบื้องลึกเบื้องหลังชีวิตของช่างแต่งหน้า อีกหนึ่งสายอาชีพสำคัญในวงการเสริมสวย โดยฉบับนี้เรามีโอกาสดี ได้พูดคุยกับ Makeup Artist แถวหน้าของเมืองไทย HollyHua หรือ พี่ฮั้ว – กานต์นิพัทธ์ สนั่นวงศ์ ที่นับได้ว่าเป็นกูรูด้านการแต่งหน้า ด้วยประสบการณ์ยาวนาน บวกฝีมือสะบัดแปรงในแบบที่หาตัวจับยาก …แต่ชีวิตของ HollyHua HollyHua ก็ไม่ได้ราบรื่น เพราะผ่านอุปสรรคมากมาย จากเด็กที่เติบโตในครอบครัวคนจีนฐานะดี แต่วันหนึ่งชีวิตพลิกผันเพราะบ้านถูกไหม้ และได้หนีออกจากบ้านไปตามหาสิ่งที่ฝัน จนมีโอกาสได้เข้าสู่วงการช่างแต่งหน้าทั้งๆ ที่ “แต่งหน้าไม่เป็น” แต่อะไรที่ผลักดันให้ HollyHua พัฒนาฝีมือ จนก้าวสู่การเป็น Makeup Artist คิวทองที่คนในวงการยอมรับ มาติดตามพร้อมๆ กัน รับรองว่าจะได้แรงบันดาลใจดีๆ แน่นอน
ช่วงชีวิตสมัยเด็ก
เอาง่ายๆ ก็เป็นตุ๊ดเด็กแหละ พี่เป็นลูกคนจีน อยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างเคร่งครัด ง่ายๆ เลยนะเขารู้สึกว่าเราก็ต้องเป็นลูกชาย แต่จริงๆ แล้วเขารู้ตลอดเวลาแหละว่าจริงๆ แล้วเขาได้ลูกผู้หญิง ครอบครัวก็จะเลี้ยงเราแบบเด็กผู้หญิงที่ต้องอยู่ในกรอบ ออกไปเที่ยวข้างนอกไม่ได้ ไปค้างคืนไม่ได้ คือมันเหมือนถูกตีกรอบไว้เพื่อให้เราไม่แรด แต่เขาก็ไม่รับรู้นะว่าเราเป็นลูกผู้หญิง ก็ถูกสอนมาอย่างนั้น แล้วก็ต้องตั้งใจเรียน ต้องช่วยทำงานบ้าน แต่มันก็ช่วยปลูกฝังให้เรามีความอดทน อันนี้ที่พี่มองว่าสิ่งที่พี่ได้ในทุกวันนี้ มีความอดทนและสู้กับทุกอย่าง แล้วก็ไม่กลัวอุปสรรค อันนี้เป็นเด็กที่ลูกคนจีนได้เลยค่ะ
ชีวิตสมัยเรียน
ตอนเรียน ม.ต้นที่ศึกษานารีวิทยา เรียนโปรแกรมศิลปะ และวิชาที่ชอบตอนนั้นคือวิชา Drawing เพราะได้ไปเรียนนอกสถานที่ ได้ไปสัมผัสบรรยากาศสวยๆ ในสวน อากาศเย็นๆ ก็มีความสนุก มีความสุข รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้ แต่พอจบจากศึกษานารีวิทยา ด้วยความที่เราจะต้องไปต่อ ม.ปลาย แต่ตอนนั้นกะเทยเด็กไง แอบชอบรุ่นพี่ แต่อกหักได้เรียนต่อแล้วไม่ไป เปลี่ยนไปเรียนบัญชี พอถึงตอนฝึกงาน ทุกคนก็ไปฝึกงานที่เกี่ยวข้องกับบัญชี ไปฝึกพวกออฟฟิศใช่ไหมคะ แต่พี่ไปฝึกงานที่ RS Promotion ไปฝึกกับเพื่อนอยู่ 3 เดือน ก็ลำบากมากในการเดินทางเลยนะ บ้านอยู่บางบอนแต่ต้องเดินทางไปลาดพร้าว หลังจากฝึกแล้วก็ไปเรียนรามฯ พอเรียนได้เทอมนึงปุ๊บหมือนเขาก็มาดูใบประวัติเรา ซึ่งตอนนั้นเราฝึกอยู่แผนกรายการทีวี แล้วพอเรียนไปได้เทอมนึง แผนกมิวสิควิดีโอเรียกตัวเราเข้ามา
ตอนนั้นจำได้เลยว่าได้เงินเดือน 4,300 บาท แล้วแบบโห เอาจริงๆ ค่ารถไปกลับก็ไม่เหลือกินเลย เพราะว่าไปกลับลาดพร้าว-บางบอน ไม่เหลือกินเลยนะ แต่แบบเอาวะเราก็ต้องสู้ สู้ให้ได้ วนลูปอยู่ประมาน 3 เดือน จนแม่รู้สึกว่าเฮ้ย เขาก็เป็นห่วงเราแหละว่าเราทำงานแล้วกลับบ้านดึก นอนน้อย พักผ่อนน้อย แล้วจะเป็นยังไง แม่ก็เลยเริ่มบอกเฮ้ยไม่ได้แล้ว ออกเหอะ มาช่วยทำงาน มาช่วยขายของที่บ้าน แล้วเรารู้สึกว่าถ้าเรากลับไปขายของที่บ้าน ชีวิตเรามันก็จะไม่ก้าวหน้า เราก็จะอยู่ในลูปเดิมที่เราไม่กระโดดออกมา ที่จะก้าวหน้า เราเลยตัดสินใจหนีออกจากบ้าน
ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน
ตอนเด็กๆ เรารู้สึกตลอดเวลาว่า เฮ้ยไม่ได้ การหนีออกจากบ้านเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องทำให้พ่อแม่เสียใจ แต่ฮอลลี่หนีออกจากบ้าน แต่ในขณะที่หนีออกจากบ้านเราก็โทรหาน้าที่เป็นน้องสาวแม่ว่า อี๊ ฮั้วออกนะ เพราะว่าฮั้วอยากทำงาน และอยากให้บ้านเราเจริญเติบโตขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วตอนเด็กๆ ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ เป็นตัวแทนจำหน่ายอาหารสัตว์รายใหญ่ในบางแค แล้วที่บ้านไฟไหม้ ตั้งแต่นั้นมาก็คือลำบากกันมาแหละ ก็คือไม่ได้สบาย แล้วเราจะรู้สึกว่าแบบถ้าเราไม่ออก มันก็จะอยู่ในวังวนเดิม ช่วยแม่ขายของ มันก็จะไม่มีอะไรพัฒนาไปได้ เรารู้สึกว่าเราต้องออก เราต้องหนีออกมา ตอนที่เราเดินออกเรารู้สึกว่า เหมือนเพลงของแม่ผึ้ง พุ่มพวงเลย ไม่รู้เคยได้ยินไหม ถ้าไม่ได้ดีจะไม่หันหลังกลับไป
อะไรที่ทำให้ตัดสินใจกลับบ้าน
เหตุการณ์ที่ได้กลับไปคือ ทำงานได้ประมาณ 2 ปี แล้วได้โบนัส ได้ประมาณหมื่นกว่าบาท ดีใจมาก ก็เลยติดต่อกลับไป ประมาณ 2-3 ปีมั้ง ติดต่อกลับไป ก็เหมือนกลับไปหาที่บ้าน ก็เอาเงินไปให้แม่ แม่ก็ดีใจมาก ก็เหมือนเรากลับไปเราก็เริ่มดี เราก็ซื้อชุดมาให้น้อง มีน้องที่เป็นลูกหลงอยู่ ตอนนั้นเราออกมาน้องก็เพิ่งจะประมาณขวบนึง เรากลับไปเขาก็ประมาณ 3 ขวบ 3-4ขวบ และเราก็ซื้อชุดไปให้น้อง ซื้ออะไรไปให้น้อง คือเหมือนเริ่มกลับไปอย่างนั้น อันนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่เหมือนได้เริ่มกลับไปมากกว่า
เริ่มเข้าสู่สายงานบันเทิงและความงาม
พอหลังจากนั้นเราก็เริ่มเก็บเงิน ก็พออยู่ RS ได้ประมาณ 3 ปี แล้วเราก็โดนไล่ออก เพราะเราไม่ทน คำว่าไม่ทนพอฟังแล้วรู้สึกโอ้ยตายแล้วเป็นกะเทยไม่เอาไหน แต่จริงๆ แล้วระหว่างที่เราอยู่ที่นั่น ด้วยความที่ตำแหน่งเป็น Traffic แล้วได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Co-Producer พอเราทำได้ประมาณ 2 ปี ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก มันเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงระบบ แล้วเราแบบถูกจ่ายงานเยอะมากจนเราไม่ได้พักเลย หนีออกเลย อยู่ๆ หยุดงานไปเลย มันเป็นกฎของ RS คือ ถ้าหยุดเกิน 3 วัน เขาต้องประกาศ เขาต้องไล่ออกแล้ว ตอนนั้นก็เป็นอาทิตย์นะกว่าเขาจะประกาศไล่ออก
วันนั้นพี่ต้อ ด้วยความที่ช่วงที่ทำงาน RS เราก็ดิวกับพี่ต้อ ชรภาส นะ พี่ต้อ ชรภาส ก็ถามว่า ฮั้วออกจาก RS แล้วจะไปทำอะไร คือเหมือนคุยกันอะไรอย่างนี้ บอกพี่เดี๋ยวหนูก็เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวค่อยหา เพราะยังชิลอยู่ มันเหนื่อยมากจริงๆ ตอนนั้นมันเครียดมาก ภาวะเครียดเยอะมาก ความรับผิดชอบเยอะ มันช่วงเปลี่ยนระบบด้วย แล้วเราเลยทำไม่ไหว พี่ต้อเลยบอกอะ งั้นเราลองคุยกับเพื่อนพี่ไหม พี่ปิ๊ก มาคุยกับพี่ปิ๊ก ตอนนั้นทำ Bangkok Model เหมือนเขาหาคนทำงานประจำอยู่ หาคนทำตำแหน่งเป็นเมคอัพ ตอนนั้นเราก็ตกใจ ตกใจมากนะตำแหน่งเมคอัพ เฮ้ย กูแต่งหน้าไม่เป็น แต่ก็เข้าใจไหม แต่แบบเอาวะ ลองดู ก็เลยไป ตอนแรกเลยพี่ต้อถามก่อนว่าแต่งหน้าตัวเองเป็นไหม ไม่กล้าบอกว่าแต่งไม่เป็น ก็บอกว่าพอแต่งได้ พอไปถึงปุ๊บก็มีโปรไฟล์เด็กๆ ที่เรียกแคสติ้งอยู่ในช่วงที่เราทำ เราก็จะมีสมุดแคสติ้ง เราทำเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ เราก็จะมีสมุดแคสติ้งของเรา มันก็เลยกลายเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ย้อนกลับไปว่าทำไม ฮอลลี่ทำสิบแล้วได้สิบ ทำร้อย หรือทำพัน
จากคน “แต่งหน้าไม่เป็น” พัฒนาสู่การเป็นมืออาชีพ
งานแคสติ้งนี่แหละคือสิ่งที่จะปูอนาคตฮอลลี่ เป็นสิ่งที่ทำให้มองเห็นว่า อยู่ๆ เราต้องมาทำแคสติ้ง เราทำได้ วันหนึ่งเคยเจอแบบเด็กมาตั้งแต่หลังเที่ยงไป 30 คน อันนี้แหละที่เหมือนเป็นครูให้เราชั้นดีเลย คือได้ฝึกมือ แต่งๆ แต่งไปเหอะ แล้วกลายเป็นแบบเราต้องแต่งให้ทันแสง มันเลยเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราแต่งหน้าเร็ว แล้วก็ได้เรียนรู้เรื่องสี แล้วพอเราแต่งเสร็จปุ๊บ เราก็ดูว่าแบบอันนี้ถ่ายรูปออกมาแล้ว เฮ้ยเป็นยังไง มันได้เรียนรู้ไงคะ เราก็เลยได้ทฤษฎีในการที่เราแนะนำหรือสอนน้องๆ ว่าเวลาแต่งหน้าปุ๊บ ยุคนี้มันง่าย ยุคนี้มีโทรศัพท์ที่มันถ่ายรูปได้แล้ว เทคนิคที่เราจะสอนน้องๆ ลูกสาวแต่งหน้าเสร็จปุ๊บถ่ายรูปสิ ถ่ายรูปให้เห็นสีจริง แล้วเราก็เรียนรู้เลย ว่าเราต้องเพิ่มเติมอะไรงี้ ตรงนั้นมันยิ่งง่ายเลย เนี่ยมันก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้เริ่มแต่งหน้าเป็นอาชีพจริงๆ
ที่มาของชื่อ HollyHua
คือมีเพื่อนคนนึงชื่อพี่โมท เขาบอกตายแล้วเธอชื่อฮั้วเรียกยาก ฉันเรียกเธอฮอลลี่ดีกว่า ฮอลลี่ฮั้ว เขาก็พูดมาตั้งนานแล้วฮอลลี่ๆ ฮอลลี่ฮั้ว แล้วมันก็เกิดขึ้นในช่วงที่ยุค Instagram เข้ามาแรกๆ และตอนแรกเราก็จะตั้งชื่อ Instagram ว่าอะไรดี ก็เลยนึกถึงที่เพื่อนเคยพูด เนี่ยเธอชื่อฮั้ว บางคนเขาไม่รู้หรอกว่าฮั้วๆ อะไร ซึ่งจริงๆ แล้วชื่อฮั้วมาจากเหมยฮัว ที่แปลว่าดอกไม้ แต่แหมเราจะมานั่งป่าวประกาศให้คนรู้ว่าฮั้วคือดอกไม้นะ ไม่ใช่ฮั้วๆ กันนะ ก็ไม่มีใครมานั่งฟังหรอก เอาง่ายๆ ให้มันดูอินเตอร์ ก็ฮอลลี่ฮั้วแล้วกัน
ทางบ้านยอมรับในอาชีพช่างแต่งหน้าไหม
ถามว่าคุณพ่อคุณแม่ยอมรับไหม เขายอมรับนะ เขายอมรับเพราะเราผ่านจุดที่พิสูจน์ตัวเองมาให้เขาเห็นแล้ว คือง่ายๆ เลยคือ ตอนแรกเลยที่เราทำงาน RS เขาก็ยังไม่ได้ยอมรับ เพราะว่าคือง่ายๆ เราก็เป็นชาวบ้าน บ้านขายของ ขายอาหารตามสั่ง เป็นแบบบ้านขายรถเข็นข้างถนนอะไรแบบนี้ และพอต้องมาทำแบบนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าแปลกแล้วละ แต่เราได้พิสูจน์ตัวเราให้เขาเห็นแล้วว่า เรามีอาชีพที่ชัดเจนและกำลังเดินทางอยู่
ชีวิตช่างแต่งหน้าสมัยนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
สมัยก่อนช่างแต่งหน้าเป็นยุคที่ต้องบุกเบิกกันจริงๆ สิ่งนึงเลยคือคนไม่ยอมรับ คนก็มอง อืมก็ช่างเสริมสวย จะบอกได้เลยว่า เด็กยุคนี้โชคดีมากไม่เจอคำนี้ ซึ่งถามว่าช่างเสริมสวยน่ารังเกียจไหม ไม่ได้น่ารังเกียจนะ แต่มันเป็นคำดูถูกของคนสมัยก่อน ที่คนรู้สึกว่า ก็ช่างเสริมสวยอะ คือฟังแล้วรู้สึกว่า มันเป็นน้ำเสียงและคำที่กัดกร่อนหัวใจและดูถูกคนจริงๆ เราก็ต้องให้ช่างเสริมสวยคนนี้มันเดินไปต่อให้คนรู้จักให้ได้ ตอนนั้นรู้สึกแค่นั้นเอง เราจะต้อง Fight เข้าใจคำว่า Fight นะฮะว่า Fight ให้คนมารู้จักว่าเนี่ยอีฮั้ว
บทเรียนในชีวิตที่ผ่านมา
ถ้าคนได้รู้จักฮอลลี่ หรือคนได้รู้จักฮั้ว หรือว่าอีฮั้วก็ได้ คนที่รู้จักอีฮั้วตอนสมัยที่ทำงานแรกๆ จะรู้เลยว่าฮั้วไม่ได้เป็นคนนิ่ง ไม่ได้เป็นคนขรึม ฮั้วเป็นคนสนุกสนานร่าเริง แต่ในขณะที่สนุกสนานร่าเริงมันสอนให้เรารู้เลยว่า ถ้าเราสนุกสนานร่าเริงจนเกินไป บางครั้งมันทำลายตัวเรา แต่การถ้าเรานิ่ง สุขุม มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรได้เยอะขึ้น
ความรู้สึกที่ได้มาร่วมสอนออนไลน์ กับ Teach By Guru
ดีใจนะ ดีใจเลยแหละ คือนึกถึงยุคที่เราย้อนกลับไปทำพ็อกเก็ตบุ๊ค แต่ตอนนี้เรากำลังทำพ็อกเก็ตบุ๊คอันนั้นในสโคปงานแบบใหม่ ในแพลตฟอร์มแบบใหม่ ในแพลตฟอร์มที่แบบนี่แหละมันคือแพลตฟอร์มของยุคที่เขาเรียกยุคดิจิทัลของจริง มันเลยทำให้รู้สึกว่า เหมือนเราได้มี Passion ใหม่ๆ มากขึ้น นี่แหละคือสิ่งสำคัญของทุกอาชีพ คอร์สที่กำลังจะสอน จะบอกว่ามันเกิดจาก 20 กว่าปีที่ผ่านมาที่เราทำ มันคือสิ่งที่เราเรียนรู้มาทั้งหมด ที่เราเรียนถูกเรียนผิดๆ เรียนผิดเรียนถูกอะไรก็ตาม วนไปวนมาแบบนี้ มาทำให้มันดูง่ายขึ้น ที่เราอยากถ่ายทอด คุณไม่ต้องไปเรียนผิดเรียนถูก หรือเรียนถูกเรียนผิดอะไรอีกแล้ว โดยที่แบบเป็นทริคที่เราเรียนรู้มาตลอดเกือบ 30 ปี อยากให้คุณ โดยที่แบบบางคนจะรู้สึกว่า เฮ้ย เกือบ 30 ปี มันจเชยหรือเปล่า Hollyhua ไม่เชยหรอก ก็ฝากนะคะว่า Teach By Guru คือใส่เต็มร้อย ให้ร้อยและพันแค่นั้น
อยากบอกอะไรกับตัวเองบ้าง
ขอบคุณที่ผ่านเรื่องราวทุกอย่าง เรื่องราวร้ายๆ หรือเรื่องราวดีๆ ขอบคุณที่เราเป็นเด็กมุ่งมั่นใฝ่หาความรู้ อันนี้ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณตัวเองที่เป็นเด็กใฝ่หา เมื่อวันที่บอกว่าฮอลลี่ฮั้วเนี่ยทำได้เงินได้สิบทำร้อย ได้สิบทำพัน มันเป็นสิ่งที่ปูให้เรามาถึงวันนี้ ณ วันใดที่ถ้าเราไม่ได้สิบ ทำร้อย มันก็จะไม่มีฮอลลี่ฮั้วในวันนี้ แล้วก็ต้องขอบคุณสิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาหรืออะไรก็ตามมันเป็นบทพิสูจน์ และบทเรียนให้เราเรียนรู้ที่จะจิตใจแข็งแกร่งขึ้น
ฝากถึงช่างแต่งหน้ารุ่นใหม่
จริงๆ แล้วนะคะ ตอนนี้วัฒนธรรมหรือ Culture ของสังคมเรามันเปลี่ยนไปเยอะ รวมถึงสังคมช่างแต่งหน้าด้วย มันเปลี่ยนเยอะ แต่สำหรับหลายๆ คน สิ่งหนึ่งที่อยากให้คำนึงกันไว้นะคะ สร้างผลงาน ใช้คำว่าสร้างผลงานออกมาให้สวยที่สุด ด้วยใจ และส่วนเรื่องอื่นคือเราต้องเรียนรู้ตามยุค ถ้าเป็นช่างแต่งหน้าหรือ Makeup Artist สมัยก่อน ทำงานออกมาให้สวยที่สุดแค่นั้น แล้วเราอยู่ใน Space ของเรา แล้วมันจะกระโดดออกไป แต่ตอนนี้สิ่งที่ฮั้วมองนะ ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนะตอนนี้ เราสร้างสรรค์ผลงานออกมา อยู่ใน Space ของเรา แต่เราต้องเอา Space ของเราเปิดออก คือง่ายๆ เลย Space ที่มันเกิดขึ้นคือ Social Media เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ตัวเอง หรือใช้ผลงานของเราออก Social Media ให้เป็น โดยที่ไม่ทำลายคนอื่น
ชีวิตของเราย่อมต้องพบเจอปัญหามากมาย ถ้าเรารู้จักเรียนรู้แล้วนำมาปรับใช้ พร้อมด้วยมุมมองในเชิงบวก ก็จะกลายเป็นบทเรียนชั้นดีที่นำพาชีวิตเราไปสู่เป้าหมายได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับ HollyHua กานต์นิพัทธ์ สนั่นวงศ์ ที่แม้จะเจอเรื่องร้ายๆ หลายอย่าง แต่ด้วยความไม่ย่อท้อ มีความมุ่งมั่น และทำทุกอย่างเต็มที่สุดกำลังแบบเกินร้อย ผลลัพธ์จึงออกมาดีเสมอ
สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เรื่องการแต่งหน้าจากประสบการณ์ของ HollyHua กานต์นิพัทธ์ สนั่นวงศ์ คลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.TeachByGuru.com หรือ Facebook Fanpage และ IG : Teach By Guru