หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ออกระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมนักเรียน พ.ศ.2563 ซึ่งมีสาระสำคัญคือ นักเรียนชาย “จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย” ส่วนนักเรียนหญิง “จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย” แต่เรื่องนี้ยังคงไม่มีความชัดเจน และมีข่าวหลายๆ โรงเรียนทรงโทษนักเรียนที่ไว้ผมยาวเพราะผิดระเบียบ ถึงขั้นลงโทษด้วยการกล้อนผม จนเป็นข่าวทางสื่อต่างๆ และทำให้มีนักเรียนรวมกลุ่มกันออกมาเรียกร้องสิทธิในเรื่องการไว้ทรงผมมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดใกล้จะมีข่าวดีให้นักเรียนไทยได้เฮกันแล้ว เมื่อ ศธ.ได้จัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 3 ณ ห้องประชุมจันทรเกษม เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 โดยมี ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (TDRI) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา เป็นประธานการประชุม โดยได้ข้อสรุปว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แก้ไขร่างระเบียบ ศธ. โดยอนุญาตให้นักเรียนจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ ถ้าผมยาวก็รวบให้เรียบร้อย แต่ห้ามดัดผม ย้อมสีผม ไว้หนวดหรือไว้เครา เนื่องจากอาจทำให้เสียสมาธิในการเรียน ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาหรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเอกชนแล้วแต่กรณี
ในกรณีนักเรียนปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบ ศธ.ไม่สนับสนุนการกระทำรุนแรงต่อเด็ก โดยจะห้ามการลงโทษด้วยการกล้อนผมเด็ก ซึ่งหลังจากนี้ที่ประชุมจะเสนอเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเห็นชอบต่อไป
สำหรับใครที่อยากอ่านรายละเอียดในส่วนของมติที่ประชุมเกี่ยวกับการเสนอแก้ไขระเบียบทรงผมนักเรียน มีดังนี้
ที่ประชุมได้พิจารณาร่างระเบียบ ศธ. ว่าการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยมีข้อเสนอแนะแก้ไข 3 ประการ คือ ประการแรก “บทนำหรือคำปรารภ” แก้ไขเป็น “การปรับแก้ระเบียบฯ การไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 ให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การมีส่วนร่วม รวมทั้งการป้องกันให้มีการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เพราะปัจจุบันสังคมไทยมีการพัฒนาไปมาก และมีความหลากหลายทางเพศมากยิ่งขึ้น”
ประการที่สอง “การแก้ไขระเบียบข้อที่ 4” โดยมีการแยกไว้ว่า การไว้ทรงผมของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมีบทบัญญัติที่แตกต่างกัน ในการแก้ไขครั้งนี้จึงให้มีการไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ และสะท้อนถึงความหลากหลายทางเพศสภาพของนักเรียนได้อย่างชัดเจน ไม่ให้มีปัญหาในทางปฏิบัติ ส่วนการดัดผม ย้อมสีผมให้ต่างไปจากเดิม ไว้หนวดหรือไว้เครา ยังคงเป็นข้อห้ามตามเดิม เนื่องจากเห็นว่าอาจทำให้เสียสมาธิในการเรียน ทั้งนี้ ระเบียบข้อ 4 จะปรับแก้ไขใหม่ให้เป็นดังนี้
“ข้อ 4 นักเรียนจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาว ให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย”
ประการที่สาม “การแก้ไขระเบียบข้อที่ 7″ ซึ่งมีจุดอ่อนในเรื่องการออกกฎระเบียบของโรงเรียนโดยไม่ต้องมีการปรึกษาหารือ จึงกำหนดให้มีการเขียนไว้อย่างชัดเจน ดังนี้
“ข้อ 7 ภายใต้บังคับข้อ 4 ให้สถานศึกษาวางระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียนได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเอกชน แล้วแต่กรณี
ก่อนดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้สถานศึกษาดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา และเครือข่ายผู้ปกครอง รวมทั้งเผยแพร่ผลการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไว้ในบริเวณสถานศึกษา หรือระบบสารสนเทศของสถานศึกษานั้น” นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีข้อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีหนังสือทำความเข้าใจไปยังโรงเรียน คือ
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียน โดยใช้กลไกของสภานักเรียน เช่น ให้ผู้แทนสภานักเรียน เข้าร่วมสังเกตการณ์ ในการประชุมของคณะกรรมการสถานศึกษา ตามข้อ 7
- ยกแนวปฏิบัติของโรงเรียนที่ดำเนินการมีส่วนร่วม เช่น โรงเรียนรัตนาธิเบศร์
- กรณีนักเรียนปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบ การลงโทษต้องคำนึงถึงสิทธิของนักเรียน และเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนนักศึกษา พ.ศ.2548 และกฎหมายคุ้มครองเด็ก โดย ศธ.ไม่สนับสนุนการกระทำรุนแรงต่อเด็ก ดังนั้นต่อไป “การกล้อนผมเด็ก” จะไม่สามารถกระทำได้
ส่วนความคืบหน้าในเรื่องนี้จะเป็นยังไง Hairworld Plus+ จะติดตามมาฝากกันอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก www.moe.go.th