สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. เตรียมยกระดับ “ร้านเสริมสวย” จับมือสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย ทำ MOU ผู้ประกอบการกว่า 1 หมื่นรายทั่วประเทศ ให้ได้มาตรฐาน มอก. เอส เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ใช้บริการ รวมไปถึงสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจเสริมสวยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนด้วย
โดยเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 66 นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการ สมอ. พร้อมด้วยตัวแทนจากสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย ลงนาม MOU เพื่อพัฒนาร้านเสริมสวยทั่วไทยให้ได้มาตรฐาน มอก. เอส และบูรณาการการทำงานร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเสริมความงาม ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรของสมาพันธ์ฯ ให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการรับรองมาตรฐาน มอก.เอส รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลผู้ได้รับการรับรอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ใช้บริการ และสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
โดยมีนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และ นางสาวสมเพชร ศรีชัยโย นายกสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย เป็นผู้ลงนาม ณ ห้องประชุมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กรุงเทพฯ
ภายหลังจากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ สมอ.จะการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่บุคลากรของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย ในพื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในข้อกำหนดของมาตรฐาน สามารถพัฒนากระบวนการการให้บริการของตนเอง จนสามารถขอรับการรับรองจาก สมอ. ได้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกอบการร้านเสริมสวยที่อยู่ภายใต้สมาพันธ์ฯ ได้รับการรับรอง มอก.เอส กว่า 10,000 รายทั่วประเทศ
ทั้งนี้การจัดทำมาตรฐาน มอก.เอส สมอ.จะคำนึงถึงความต้องการของผู้ประกอบการในแต่ละสาขาธุรกิจเป็นหลัก โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตสูง จะทำให้เกิดการจ้างงานและเกิดการกระจายรายได้ต่อประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจเสริมความงามของไทยที่กำลังกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ประเทศไทยมีร้านเสริมสวยกว่า 120,000 ร้าน คิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 60,000 ล้านบาท ดังนั้น สมอ. จึงกำหนดมาตรฐาน มอก.เอส ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเสริมความงามออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้ใช้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ได้แก่ การบริการแต่งหน้า บริการตัดแต่งทรงผม บริการทำเล็บ บริการนวดและสปา รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผม หมักผม ปรับสภาพเส้นผม น้ำมันนวดตัวและสปา ผลิตภัณฑ์บำรุงเท้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผสมสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าผสมสมุนไพร และผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากผสมสมุนไพร เป็นต้น และกำลังจะประกาศใช้เพิ่มเร็วๆ นี้อีก 3 มาตรฐาน ได้แก่ การบริการต่อขนตา การบริการสักคิ้วและการบริการสักตัว