หลังจากงาน Xtenso Oleoshape ซึ่งเป็น Hair Show ของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง L’Oréal Professionnel ผ่านไปไม่นาน หลายคนอาจเกิดคำถามว่าเหล่าแฮร์สไตลิสต์ชาวไทย ผู้อยู่เบื้องหลังโชว์ร่วมกับทีมงานเกาหลีนั้นคือใครกันบ้าง จนกระทั่ง HW+ ได้มาพบกับ 2 แฮร์สไตลิสต์มากฝีมือซึ่งถือเป็นช้างเผือกจากเมืองเชียงใหม่ อาร์ม – ปิตพุทธินันท์ ชัยเดช และ ราม – ทรงกรด พ่วงเฟื่อง แห่ง 65 Hairstudio ด้วยผลงานอันโดดเด่นจนต้องคว้าตัวมาพูดคุยในบทสัมภาษณ์สุดพิเศษ เรามาทำความรู้จักกับคนเก่งทั้งสองไป พร้อมๆกัน
ARM talks
จุดเริ่มต้นอาชีพช่างผม?
เป็นคนจังหวัดอุดรธานีครับ คุณแม่เปิดร้านเสริมสวยจึงได้คลุกคลีกับการทำผมมาแต่ไหนแต่ไร แต่ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกชอบเท่าไหร่ครับ เพราะมองว่าเป็นงานที่ต้องทำตามคำสั่ง ตามลูกค้ามากจนเกินไป เคยคิดไว้ว่าโตมาจะไปทำงานที่เกี่ยวกับงานศิลปะโดยตรงเพราะเราชอบทางนี้ แต่พอเริ่มโต เริ่มไปออกงานกับคุณแม่ คุณแม่จะชอบพาไปออกงานเกี่ยวกับผมต่างๆ เห็นคุณแม่มีเพื่อนช่างทำผมที่มีชื่อเสียงหลายคน และมีโอกาสพาเข้าไปแนะนำให้ได้รู้จัก ได้เห็นการทำผมแบบมืออาชีพ ก็เริ่มเห็นความแตกต่าง และพอได้ศึกษาจริงๆ จึงรู้ว่าการทำผมไม่ใช่แค่ทำตามที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น ช่างทำผมสามารถรังสรรค์งานออกมาอย่างศิลปิน และเราเป็นคนที่ชอบศิลปะอยู่แล้วด้วย จึงเกิดแรงบันดาลใจที่ว่าอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง
เรียนเป็นช่างผม?
ตัดสินใจไปเรียนทำผมโดยมีคุณแม่คอยสนับสนุน ตอนนั้นก็คิดแล้วว่าอยากมาอยู่เชียงใหม่ พอเรียนจบก็เริ่มฝึกงานกับร้านทำผมที่มีชื่อเสียงที่นี่เลย เก็บประสบการณ์ในการทำงานแบบมืออาชีพ ศึกษาเทคนิค และเรียนรู้เพิ่มเติม ก็หาประสบการณ์มามากกว่า 10 ปี ในช่วงนั้นเองที่ได้เจอพี่ราม จึงตัดสินใจเปิดร้านทำผมเป็นของตัวเอง โดยใช้ประสบการณ์และใจรักทั้งหมดที่มี เป็นร้าน 65 Hairstudio ตั้งใจนำเสนอความเป็นตัวเอง จากร้านเล็กๆ มาเป็น 3 สาขา ในเวลา 3 ปี
เคล็ดลับการทำงาน?
พัฒนาตัวเองและทีมงานเสมอ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นำสิ่งที่ดีที่สุดมาไว้ในร้าน และให้บริการที่ดีที่สุดกับลูกค้าของเรา เน้นการทำงานเป็นทีมเวิร์คครับ
ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ L’Oréal Professionnel Thailand ?
ก่อนหน้านี้อาร์มเคยทำงาน Backstage ของแฟชั่นโชว์มาก่อนครับ ส่วนงานเบื้องหน้าจะเป็นแคมเปญ Smart Bond กับ X – tenso Oleoshape ที่ทำร่วมกับ L’Oréal Professionnel Thailand (ลอรีอัลประเทศไทย) ,ช่างทำผมชื่อดังจากเกาหลีและช่างทำผมชื่อดังของประเทศไทย รู้สึกภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากทาง L’Oréal Professionnel Thailand อย่างมากครับ ตอนทำงานก็รู้สึกสนุกตื่นเต้นมากๆ ตอนนี้เราก็พยายามพัฒนาตัวเองและตั้งใจว่าอยากจะทำผลงานให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
จุดยืนของ 65 Hairstudio?
คือเมื่อก่อนร้านของเราไม่ค่อยได้เป็นที่รู้จักในเชียงใหม่เลย เราก็มาปรึกษากับทีมว่าทำยังไงถึงจะเป็นที่รู้จัก เราก็เลยตีโจทย์ที่เรื่องเทคนิคคือ เน้นการทำผมแฟชั่น ตอนนั้นร้านทำสีผมแบบพาสเทลมันน้อยมาก งานดัด เทคนิคแฟชั่นจัดๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เป็นที่สนใจ เรียกว่าอะไรที่เป็นเทรนด์ใหม่ล่าสุดมาตอนนี้ คนเชียงใหม่เปิดรับหมดครับ ขอเป็นกำลังใจให้กับช่างผมหลายๆคนที่มีฝัน สร้างภาพความฝันให้ชัดเจนแล้วลงมือทำ ขอแค่ให้มีความรัก มุ่งมั่นตั้งใจต่อสายอาชีพนี้ และทำให้ดีที่สุด แล้วสิ่งที่คุณรัก จะตอบแทนคุณเองครับ
RAM talks
จุดเริ่มต้นอาชีพช่างผม?
เริ่มต้นจากที่เราชื่นชอบรุ่นพี่ Hairstylist คนหนึ่งมาก เป็นที่มาของแรงบันดาลใจที่ทำ อยากจะประสบความสำเร็จและเป็นเขาให้ได้ครับ
เรียนเป็นช่างผม?
พอเรียนจบ ปวช. ก็ตั้งเป้าหมายว่าจะเอาดีด้านการทำผมเหมือนไอดอลที่เราชื่นชอบ โดยเริ่มจากการเลือกเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียงทางด้านการทำผมโดยตรง เก็บเกี่ยววิชาความรู้ให้ได้มากที่สุด จนมาเจออาร์ม จึงตัดสินใจว่าจะลองเปิดร้านเล็กๆ ดูก่อนแต่พอเวลาผ่านไปร้านเล็กๆของเรากลับได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราไม่หยุดพัฒนาหาเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น การส่งช่างไปเทรนในสถาบันชื่อดังภายในประเทศและต่างประเทศอยู่เสมอ และที่สำคัญกว่านั้น เราดูแลลูกค้ารวมถึงแนะนำและให้คำปรึกษาแบบพี่น้องครับ
หลักในการทำงาน
ถือหลัก “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่เราดูแล หรือพนักงานในร้าน เช่น เมื่อมีลูกค้าเข้ามาทำสีผม สิ่งที่ลูกค้าอยากได้คือสีที่ตรงตามความต้องการ ส่วนเราที่เป็นช่างก็จำเป็นจะต้องคำนึงเสมอว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าได้รับผลตอบรับที่ดีและพึงพอใจที่สุดครับ
ผลงานที่ผ่านมา
- โปรเจ็กต์ “Smartbond” (L’Oréal Professionnel ) เปลี่ยนสีผม 3 ครั้ง ใน 1 วัน โดยมีนางแบบคือ คุณพลอย ชิดจันทร์ (ดารานักแสดง)
- งาน Bangkok International Fashion Week 2018 (ฺBIFW 2018) ได้เป็นที่หนึ่งในการทำผมให้นางแบบ-นายแบบ ร่วมกับ Hairstylist ชื่อดังมากมาย
- งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “X-tenso Oleoshape” (L’Oréal Professionnel ) ทางร้านเราได้รับเลือกให้่ร่วมทำแฟชั่นผมดัดสไตล์เกาหลีร่วมกับคุณชาฮอง Hairstylist ชื่อดังจากประเทศเกาหลี
มุมมองต่อวงการเสริมสวยของไทย?
ถึงแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยสู้ดีมีคนตกงานเยอะ แต่ในทางกลับกันวงการเสริมสวยกลับคึกคักขึ้น มีคนหันมาสนใจอาชีพนี้มากขึ้น มีการแข่งขันในการหาเทคนิคใหม่และแหวกแนวเพื่อมาเป็นจุดขาย ตราบใดที่คนยังรักสวยรักงาม เชื่อว่า วงการนี้พัฒนาและเติบโตไปได้อีกไกล
ฝากถึงเพื่อนร่วมอาชีพ
ความศรัทธาและความซื่อสัตย์ต่ออาชีพเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มจากการเชื่อมั่นว่าเราทำได้ โดยเริ่มจากการเปิดใจเรียนรู้และลงมือทำ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เชื่อว่าอีกไม่นานวงการเสริมสวยของไทยจะพัฒนาทัดเทียมต่างประเทศได้แน่นอน
ถือเป็น 2 สไตลิสต์สุด Hot ที่น่าจับตามองในปีนี้เลยทีเดียวค่ะ นอกจากผลงานโดดเด่นแล้ว ทางร้าน 65 Hairstudio ยังเสนอเทคนิคการดัดผมสไตล์เกาหลี “Korea Girlstyle” ให้แก่ลูกค้าเป็นพิเศษ ซึ่งเกิดจากการที่ทางร้านได้เทรนกับสถาบัน Chahong Academy ประเทศเกาหลี ที่มีชื่อเสียงทางด้านการดัดผมโดยตรง นอกจากนี้ยังมีการทำสีผมในเทคนิคใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนตามแต่ละ Season มาอัพเดตเทรนอยู่เสมอ ใครที่อยากอัพเดตผลงานและแนวทางการจัดแคมเปญ ก็เข้ามาติดตามกันได้นะคะ รับรองว่าแต่ละผลงานสวยๆ เหล่านี้ สร้างแรงบันดาลใจได้แน่นอน