กระแสวิถีชีวิตแนวออร์แกนิคในบ้านเราเกิดขึ้นมาได้มากว่า 10 ปีแล้ว โดยในช่วงแรกผู้ที่เข้าใจจริงและปฏิบัติจริงมีไม่มาก และต่างพากันพูดถึงออร์แกนิคในเรื่องแบบแผนการรับประทานซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สุด เช่น การเลือกทานผักผลไม้ออร์แกนิค ในความเป็นจริงแก่นของวิถีออร์แกนิค คือ การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย กลับสู่ความเป็นธรรมชาติ เพื่อลดปัจจัยความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้เราดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและยืนยาวขึ้น พูดแบบนี้แล้วไม่ได้หมายความว่าเราต้องปฏิเสธความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อสังคมเมือง และกลับเข้าไปใช้ชีวิตกันในป่าตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่หันมาลดการใช้สารเคมีและคำนึงถึงผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้มีผลิตภัณฑ์หลากหลายมากขึ้น และช่วยให้คนเมืองสามารถดำเนินชีวิตตามวิถีออร์แกนิคได้ง่ายขึ้น
ธุรกิจร้านเสริมสวยและซาลอนเป็นอีกธุรกิจที่มีการใช้สารเคมีเพื่อเสริมหรือแก้ปัญหาความงาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อธรรมชาติ และก่อให้เกิดปัญหาทางสิ่งแวดล้อมมากมาย และเป็นที่เข้าใจกันดีว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพของคุณลูกค้าไม่มากก็น้อย และที่สำคัญคือมีผลเสียต่อสุขภาพของช่างผมและพนักงานในร้าน ที่อยู่ในสภาวะที่สัมผัสกับเคมีเป็นระยะเวลานาน
ธุรกิจซาลอนและช่างผมรุ่นใหม่ๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยความเสี่ยงของสุขภาพกันมากขึ้น และเป็นที่มาของกระแสซาลอนออร์แกนิค (Organic Hair Salon) ที่ได้รับความนิยมและมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องในยุโรปและอเมริกามามากกว่า 20 ปีแล้ว สำหรับกระแสซาลอนออร์แกนิคนี้ เริ่มเข้ามาในบ้านเราได้ประมาณสักพักใหญ่ โดยส่วนใหญ่จะเริ่มจากเจ้าของซาลอนที่มีลูกค้าชาวต่างชาติ หรือช่างผมที่เคยผ่านการดูงานมาจากต่างประเทศ
กระแสซาลอนออร์แกนิคได้รับการกระตุ้นมากขึ้นจากความต้องการของคุณลูกค้า ที่เรียกร้องให้ช่างผมหรือร้านทำผมที่ไปทำผมเป็นประจำให้มีทางเลือกของผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิค ในยุคปัจจุบันเป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร และหมดยุคแล้วที่ช่างผมจะนำผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้มาใช้กับผมของลูกค้า ทุกอย่างในร้านทำผมจึงต้องมีความโปร่งใสกันมากขึ้น และใส่ใจรับผิดชอบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้ากันมากขึ้น นอกจากจะดีต่อสุขภาพของตัวลูกค้าแล้ว ช่างผมเองและทีมงานรวมทั้งคนในครอบครัวก็สามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ด้วยเช่นกัน
มาถึงตรงนี้ ช่างผมและเจ้าของซาลอนอาจเกิดคำถามว่า “แล้วเราต้องทำอย่างไรถ้าอยากเปลี่ยนซาลอนของเราให้เป็นซาลอนออร์แกนิค? ” ….. ไม่ยากเลยครับ ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตามแนวทางต่อไปนี้
- คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าที่ยังเชื่อในฝีมือของคุณและยังอยากเป็นลูกค้าของคุณต่อไป หากคุณมีลูกค้าที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและคำนึงถึงความปลอดภัยในการรับบริการเคมี หรืออาจมีลูกค้าที่มีอาการแพ้ง่ายกับสารเคมี คุณควรหาทางเลือกที่ปลอดภัย และสอบถามลูกค้าของคุณว่าต้องการทางเลือกนั้นๆ หรือไม่
- ลดการใช้สารเคมีให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่สกัดจากธรรมชาติ ซึ่งหากเป็นสารธรรมชาติที่ได้รับการรับรองว่าเป็นส่วนผสมออร์แกนิคก็จะมีความปลอดภัยขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เพื่อทดแทนส่วนผสมที่ได้จากเคมีอันตราย ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ผมที่ใช้ในซาลอนที่ได้รับการพัฒนาให้ลดการใช้เคมีไปได้มาก แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติให้ช่างผมสามารถสร้างสรรค์ผลงานผมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นครีมเปลี่ยนสีผมที่มีความเป็นออร์แกนิคแต่ยังเล่นเฉดสีสันได้เหมือนสีผมแฟชั่นทั่วไป
- เปิดทัศนคติให้รับกับความรู้ใหม่ๆ ที่อาจทำให้เราต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานที่เราเคยชิน ช่างหลายคนจะปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง เพราะกลัวว่าต้องเรียนรู้และฝึกฝนใหม่ หากการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าสำหรับสุขภาพและชีวิต ก็น่าจะคุ้มกับการลงทุนเพื่อการเรียนรู้
- ปรับสภาพแวดล้อมของซาลอนให้มีความเป็นออร์แกนิคมากขึ้น โดยยังไม่ต้องนึกถึงการลงทุนตกแต่งร้านมากมาย ให้เริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่น การรักษาความสะอาดให้ถูกสุขลักษณะ ปลอดกลิ่น ปลอดฝุ่น ทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ทุกชิ้น หากร้านอยู่ในสภาพอากาศปิด อาจลงทุนเรื่องเครื่องฟอกอากาศ และอย่าลืมเติมความเขียวของต้นไม้จริง เลือกพันธุ์ไม้ในร่มที่ช่วยฟอกอากาศ เช่น ยางอินเดีย, ไทรใบสัก และกวักมรกต เป็นต้น
อย่าปล่อยให้กระแสของซาลอนออร์แกนิคเป็นเพียงกระแสที่ฉาบฉวย ถ้าช่างผมเราสามารถพัฒนาเรื่องนี้ให้เป็นค่านิยมของช่างผมไทย วงการซาลอนของเราจะได้รับการพัฒนาให้เท่าเทียมซาลอนมาตรฐานโลก และเป็นเรื่องดีๆ ที่เราควรใส่ใจเพื่อสุขภาพของช่างผมเองและลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
Credit : ดร.ทศพร นพวิชัย, คอลัมน์ Q&A For Salon นิตยสาร Hairworld Plus+