OJHAIR SALON เป็นอีกหนึ่งซาลอนดังที่บรรดาเซเลบริตี้และดาราดังนิยมไปทำผมกันที่ร้านนี้ ด้วยการให้บริการที่เป็นเลิศ ความเอาใจใส่ และการแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทำให้ร้านของเธอได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้ Hairworld Plus+ จะพาคุณไปรู้จักกับเจ้าของร้านซาลอนชื่อดัง คุณส้ม OJ – อัจฉราภรณ์ อินทรกำแหง …จากชีวิตสาวนักเรียนนอกที่ค้นพบเส้นทางของตัวเอง ก้าวเดินตามความฝัน สู่การเป็นช่างผมมืออาชีพในปัจจุบัน จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างไร ติดตามไปพร้อมกัน
สนใจการทำผมตั้งแต่เมื่อไหร่
ช่วงที่เรียนปริญญาโทด้านการตลาดอยู่ที่อังกฤษ อยู่หอกับพวกเพื่อนๆ มีเพื่อนที่ผมยาวมาบอกให้ตัดผมให้หน่อย เพราะเขาเห็นว่าเราเป็นคนชอบเซ็ตผม ทำผมสวยตลอดเวลา เขาอยากให้ตัดเป็นบ๊อบเท ก็เลยลองตัดให้ พอตัดเสร็จปรากฏว่าเขาชอบ เลยเป็นการจุดประกายว่าการทำผมเป็นงานที่เราสนุก แถมเพื่อนยังขอบคุณ ดีใจที่ได้ทรงผมใหม่ เราน่าจะลองทำอาชีพนี้ดู
เริ่มเข้าสู่อาชีพช่างทำผมได้ยังไง
หลังจากที่ค้นพบตัวเองแล้ว พอเรียนปริญญาโทจบก็กลับมาขอคุณแม่ว่าสนใจด้านนี้ อยากจะขอเรียนหน่อย เริ่มต้นเรียนในประเทศไทยเป็นหลักสูตรมาจากอเมริกาสอนโดยอาจารย์ชาวสิงคโปร์ ตอนนั้นเราอยากรู้ว่าพอเรียนจริงๆ จะทำได้ไหม และชอบที่จะทำมันจริงๆ หรือเปล่า ซึ่งพอไปเรียน อาจารย์ชมว่าดีมาก เลยคิดว่าน่าจะไปต่อได้ เลยขอคุณแม่ไปเรียนต่อที่ลอนดอน เพราะได้ยินชื่อ Vidal Sassoon มาตลอด จากคุณแม่นั่นแหละค่ะ คุณแม่เป็นคนชอบทำผมและชอบบอกว่าช่างทำผมแม่จบมาจาก Vidal Sassoon เลยนะ พอเราสนใจด้านนี้ก็เลยอยากไปเรียนที่นั่น เริ่มต้นเรียนประมาณ1 ปี แล้วมีเรียนเฉพาะทางต่ออีก เรียนหมดทุกคอร์สที่เขามี รวมทั้งหมดประมาณ 3-4 ปีค่ะ
ที่ Vidal Sassoon แตกต่างจากที่เรียนในประเทศไทยอย่างไร
ก็มีส่วนที่คล้ายกัน เนื่องจากที่เรียนในไทยเป็นหลักสูตรของอเมริกา มันค่อนข้างมีทฤษฎีและปฏิบัติ เป็นทั้งวิทย์และศิลป์ แต่ที่เรียนของ Vidal Sassoon ต่างกันที่เวลาทำชิ้นงาน เขาค่อนข้างให้เรียนทฤษฎีและปฏิบัติ แล้วมาฝึกหาแรงบันดาลใจ มาครีเอทผลงาน มี Story ทำให้เราได้เริ่มเรียนรู้และพัฒนาตัวเองมากขึ้น ได้ฝึกที่จะคิดงานเอง ทำอะไรเอง รู้สึกสนุกมากค่ะ
เริ่มมาเป็นร้าน OJHAIR SALON ได้ยังไง
เปิดเป็นร้านซาลอนอย่างเป็นทางการเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นทำเป็น Personal มาประมาณ 5 ปี ก็ได้ลูกค้าที่มาจากตรงนั้น ชื่อ OJHAIR SALON มาจากชื่อเล่นว่า น้ำส้ม Orange Juice ตอนอยู่ที่อังกฤษ เพื่อนๆ คุณครูหรือลูกค้าเขาเรียกชื่อเล่นเราไม่ค่อยได้ ก็เลยแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเปลี่ยนมาเรียกเป็น OJ
จุดเด่นของร้าน OJHAIR SALON คืออะไร
จากฟีดแบ็คของลูกค้า ลูกค้าชอบที่เราใส่ใจในรายละเอียด และช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดในเรื่องที่เขาต้องการให้เราช่วย ลูกค้ามีปัญหาหลากหลายค่ะ บางท่านก็อยากสวยขึ้น เช่น จะมีงานแต่งงาน หรือมีโอกาสพิเศษ ต้องการให้ออกแบบทรงผม สี หรือซ่อมแซมผมเสีย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นปัญหาผมเสีย ทำให้สวยขึ้น หรืออย่างบางท่านก็จะมีเคสพิเศษ เช่น ปกปิดร่องรอยการผ่าตัด ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกภูมิใจว่าเราได้ช่วยลูกค้า และลูกค้ารู้สึกมีความสุข
เริ่มต้นมีดารา ศิลปิน คนดังมาเป็นลูกค้าได้อย่างไร
จุดเริ่มต้นมาจากปากต่อปากกันค่ะ เมื่อก่อนที่ทำแบบ Personal ลูกค้าเขาชอบก็บอกต่อกันไปเรื่อยๆ ท่านแรกที่มีโอกาสได้ดูแลจนมาถึงปัจจุบันคือ คุณก้อย รัชวิน ตั้งแต่สมัยที่คุณก้อยยังไว้ผมสั้นอยู่ หลังจากนั้นก็ได้รับความไว้วางใจต่อเนื่องจากดารานักแสดงและบุคคลสำคัญอีกหลายๆ ท่าน รวมถึง Super Star อย่างคุณอั้ม พัชราภา ถือว่าเป็นเกียรติกับชีวิตอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจค่ะ
ผลงานที่ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ
ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรียนที่ Vidal Sassoon เขาจะมีการแข่งขันกันทุก 6 สัปดาห์ เราก็ได้รางวัลมาทุกรอบ พอจบคลาสสิ้นปีก็ได้รับรางวัล Best Performance เป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของปี พอเริ่มทำงานก็ได้มีโอกาสไปร่วมโชว์ที่งาน Asia Reality Hair Show Tokyo 2015 ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเทรนด์ผมในงานระดับโลก รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ค่ะ
อะไรคือแรงผลักดันในการทำงาน
ต้องบอกว่าลูกค้ามีส่วนสำคัญอย่างมาก ลูกค้าเป็นแรงบันดาลใจทำให้รู้สึกว่าทำงานทุกวันนี้มีความสุข เราแก้ปัญหาต่างๆ ให้เขา ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น พอเขาสวยขึ้น ดูดีขึ้นก็จะมีความสุข เราก็รู้สึกดีไปด้วย ชื่นใจไปด้วย อีกท่านหนึ่งคือคุณแม่ คุณแม่เป็นแบบอย่างในการทำงาน ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ ค่อนข้างลุยงานแบบ Working Woman และที่สำคัญอีกส่วนคือทีมงานของร้าน รู้สึกว่าทำงานกับทีมงานที่ดี อยู่เคียงข้างกัน เรายิ่งต้องทำงานให้ดีที่สุด
มีคติอะไรในการทำงาน
ในการทำงานก็เป็นปกติอยู่แล้วที่ต้องมีอุปสรรค แต่สำหรับส้มมองว่าปัญหาและอุปสรรคเป็นแรงผลักดันให้เราได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นการ Challenge ตัวเอง มันทำให้รู้สึกมีพลังมากกว่าในการแก้ปัญหา ถ้าเราผ่านเรื่องนี้มาได้ ก็จะรู้สึกเก่งขึ้น สบายใจขึ้น เติบโตขึ้น ฉะนั้นหลักในการทำงาน คือ ทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน พยายามมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นเรื่องบวก เพื่อให้เรามีกำลังใจ เวลามีปัญหาอะไรก็ให้มองว่ามันคือ Challenge สนุกกับมัน และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ
ไลฟ์สไตล์ของ ส้ม OJ
เวลาพักจริงๆ จะชอบอยู่บ้านเล่นกับน้องหมา ซึ่งมีหลายพันธุ์มาก และมีแก๊งน้องหมาที่เคยช่วยเอาไว้ด้วย มีทั้งที่ถูกกัด ถูกรถชน ปกติจะเป็นการช่วยส่งตัวมากกว่า พอรักษาเขาหายก็ส่งตัวกลับที่เดิม แต่บางตัวรู้สึกเอ็นดู พออยู่ไปอยู่มาก็อยู่ที่บ้านไปเลยก็มีค่ะ
ของสะสมของ ส้ม OJ
เลือกสะสมแว่นเพราะว่าชอบคาดแว่นตาไว้บนศีรษะ เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง และเป็นเหมือนที่คาดผมไปในตัว เวลาทำงานก็ช่วยให้ผมไม่บังหน้าได้ดีมากๆ ค่ะ อย่างไปข้างนอกก็เอามาใส่กันแดดเพื่อถนอมดวงตา บางทีรีบๆ ไปไหนหน้าสดแว่นก็ช่วยเราได้มากๆ ถือเป็น Fashion Accessory ประจำตัวที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ แล้วโชคดีที่เพื่อนเปิดร้านนำเข้าแว่นแบรนด์เนมด้วยค่ะ เราก็จะอุดหนุนเขาบ่อยๆ หรือบางทีเขาก็จะเอามาให้เป็นของขวัญบ้าง ถ้าทราบว่าเป็นแบรนด์ที่เราชอบหรือเป็นรุ่นที่เราตามหา
สไตล์การแต่งตัว
ชอบแบบมิกซ์แอนด์แมทช์ แต่บางครั้งก็อาจจะแมทช์บ้าง ไม่แมทช์บ้าง แต่งตัวตามอารมณ์มากกว่า บางวันก็อยากสบายๆ บางวันก็อยากเว่อร์หน่อย ไปตามความรู้สึก อารมณ์อาร์ทิสต์นิดนึง
วางอนาคตของร้านไว้อย่างไร
อยากพัฒนาร้าน OJHAIR SALON ให้เป็นที่รู้จักสู่ระดับสากลค่ะ มีลูกค้าที่บินมาเพื่อทำผมกับเราก็มี อยากให้ร้านได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตอนนี้มีลูกค้าหลากหลายมาก ยุโรปบ้าง อเมริกาก็มี ในเอเชียก็เยอะ อย่างประเทศเกาหลีและประเทศเพื่อนบ้านก็บินมาทำ เราก็ดีใจที่เราเป็นจุดหมายปลายทางที่ลูกค้ามาประเทศไทยค่ะ
อยากฝากอะไรถึงช่างผมรุ่นใหม่บ้าง
อาชีพช่างผมเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีเกียรติมาก เป็นเหมือนศิลปิน เราได้ทำงานศิลปะ อยากให้ทุกคนทำงานอยู่บนพื้นฐานของความสุข ถ้าเรามีความสุขก็จะสร้างสรรค์ผลงานให้ลูกค้ามีความสุขได้ อยากให้ทุกคนอดทน หากมีปัญหาหรืออุปสรรค ก็อย่าท้อ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
แต่ละคนก็มีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ความสนใจ ความชอบ ความถนัด และพรสวรรค์ของคนเรานั้นต่างกัน ยิ่งค้นหาตัวเองได้เร็วมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็เร็วขึ้นเท่านั้น แต่เราไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้เลยหากปราศจากทัศนคติที่ดี ความจริงใจที่อยากมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นมีความสุข ก็ย่อมได้รับผลของความสุขและสิ่งดีๆ กลับมาด้วยเช่นกัน