จาก New Normal เข้าสู่ยุค Next Normal โควิด-19 ไม่ได้หนีไปไหน ช่างเสริมสวยคงจะต้องปรับตัว ปรับรูปแบบธุรกิจเสริมสวยให้อยู่กับมันให้ได้ การแพร่ระบาดของโรคหยุดได้ที่ตัวเราก่อน เราคงไปบังคับใครไม่ได้ตลอดเวลา แต่เราสามารถบังคับตัวเราเองให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ณ ปัจจุบันการแพร่ระบาดรอบ 2 รอบ 3 มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะรอบๆ เพื่อนบ้านเรายังคงมีการแพร่ระบาดกันอย่างรุนแรง ยังไม่สามารถแก้ไขให้การระบาดอยู่ในวงจำกัดได้ และนิสัยคนไทยมักจะใช้ชีวิตด้วยความเคยชินกับคำว่า “ไม่เป็นไรหรอก” เราคงไม่อยากกลับไปสู่สถานการณ์ที่ธุรกิจต่างๆ ถูก Lock Down อีกครั้ง เพราะฉะนั้น กลับมาใส่ใจและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดจากไวรัสโควิด-19 กันอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งที่ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นของช่างผมในยุคนี้ก็คือ หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ถุงมือยาง และเจลล้างมือ นั่นเอง
หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ถุงมือยาง และเจลล้างมือ กับธุรกิจบริการเสริมสวยตามมาตรฐานอาชีพ
ในสถานการณ์โควิด-19 ปี 2021 ช่วงที่เรารอวัคซีนป้องกันในประเทศไทย คาดว่าน่าจะประมาณกลางปี 2021 ซึ่งที่ผ่านถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกทีเดียวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า ไม่เว้นแม้แต่ร้านทำผม ช่างทำผมและช่างเสริมความงามต่างๆ จัดว่าเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงจากการติดโรคต่างๆ ได้ ถ้าไม่มีวินัยและละเลยกันเรื่องของสุขลักษณะและอนามัย ทั้งสถานประกอบการและตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ให้บริการและผู้เข้ารับบริการ
โดยปรกติตามมาตรฐานอาชีพแล้ว ‘หน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์’ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีติดร้านไว้เป็นประจำอยู่แล้ว พอมีสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย เลยทำให้ช่างต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาก็ว่าได้ ด้วยว่าเราไม่สามารถทราบได้เลยว่าตัวช่างหรือลูกค้าจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคต่างๆ มาแพร่ระบาดในซาลอนของเราหรือไม่ หรืออีกนัยหนึ่งลูกค้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าช่างจะไปสัมผัสกับบุคคลที่เป็นพาหะมาหาเขาหรือไม่ ก่อนสัมผัสลูกค้าจึงต้องเพิ่มขั้นตอนการใช้เจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ 99.9% ฉีดก่อนให้บริการทุกครั้งไป ซึ่งจริงๆ แล้ว การล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธีและล้างมือบ่อยๆ ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
การใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ โดยปรกติเราจะใช้ในการเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ตัดผม ตัดเล็บ และอุปกรณ์ที่เป็นโลหะทุกชนิดอยู่แล้ว ก็ต้องเพิ่มเติมในส่วนของการใช้แอลกอฮอล์ในการเช็ดพื้นผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาส่วนรับแขก เตียงสระ เคาน์เตอร์กระจก ให้บ่อยกว่าที่เคยทำมา ซึ่งปรกติอาจจะทำอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้าสถานการณ์มีความเสี่ยงสูงน่าจะต้องเช็ดวันเว้นวันเพื่อความปลอดภัย ควรฉีดและเช็ดที่จับประตูให้บ่อยขึ้นเพราะเป็นจุดสัมผัสแรกที่ลูกค้าและบุคคลทั่วไปเดินเข้าซาลอนของเรา
สำหรับช่างแต่งหน้า ควรทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า เช่น แปรงแต่งหน้า พัฟรองพื้นและแป้งฝุ่น ไม่ควรใช้ปะปนกัน ควรใช้คนต่อคน เพราะใบหน้า จมูกและริมฝีปากเป็นจุดเสี่ยงที่จะมีสารหลั่งต่างๆ สะสมเชื้อไวรัสได้โดยตรง
เจลล้างมือ ควรมีติดร้านและวางไว้ในตำแหน่งที่ลูกค้าสามารถหยิบใช้ได้ตลอดเวลา เช่น หน้าร้านก่อนเปิดประตู เคาน์เตอร์หน้ากระจก เคาน์เตอร์เก็บเงิน และในห้องน้ำ
หน้ากากอนามัย ในซาลอนเราจะใช้ในขั้นตอนการทำงานต่างๆ ดังนี้
-ขณะตัดผม เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและเศษผมเล็กๆ ปลิวเข้าจมูก ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจในระยะยาว
-ขณะทำสีผม เพื่อป้องกันการสูดดมเคมีซึ่งเป็นสารประกอบที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมทุกชนิด
-ขณะยืดผม เพื่อป้องกันสารเคมีระเหยจากการใช้ความร้อนในการรีดผมให้ตรง ซึ่งช่างต้องสูดดมเข้าไปแบบไม่รู้ตัวขณะหนีบผมด้วยเครื่องเหล็กร้อน
หน้ากากอนามัยตามมาตรฐานอาชีพแล้วเราจะใช้ควบคู่ไปกับถุงมือยาง ทั้งในขณะทำเคมี และสระล้างงานเคมีทุกประเภท เพื่อความปลอดภัย ในช่วงนี้เราคงต้องใช้สติตลอดเวลามากขึ้น ไม่ควรใช้มือสัมผัสผิวหน้า ดวงตา และถอดๆ ใส่ๆ หน้ากากอนามัยบ่อยๆ ซึ่งการถอดและใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีคือจับและดึงยืดที่สายยางยืด เมื่อใส่เสร็จแล้วให้ทิ้งลงถังขยะเลยโดยไม่ต้องพับหรือสัมผัสที่หน้ากาก เท่านี้ก็เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด
ในสถานการณ์ปัจจุบัน การหาซื้อและการเลือกซื้อหน้ากากอนามัย ก็ต้องซื้อให้เหมาะสมกับงานและสถานการณ์ด้วย ซึ่งถ้าดูตาม ประสิทธิภาพ/การป้องกันเพื่อสุขภาพของหน้ากากอนามัย ก็จะมี 6 ประเภท
- N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่ดีที่สุด ราคาค่อนข้างสูง ป้องกันเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ฝุ่นละออง และเกสรดอกไม้ได้ดี
- หน้ากากทางการแพทย์ เป็นหน้ากากอนามัยที่เราใช้ในร้านซาลอนอยู่แล้ว ถือว่าเป็นหน้ากากอนามัยที่ป้องกันได้เป็นอย่าดีรองลงมาจาก N95
- FFP1 ประสิทธิภาพเทียบเท่า N95 ราคาค่อนข้างสูง
- หน้ากากคาร์บอน กันเชื้อโรคต่างๆ ได้บ้าง แต่ไม่สามารถกันเชื้อไวรัสได้
- หน้ากากกันฝุ่นทั่วไป ก็จะกันได้เฉพาะเกสรดอกไม้เท่านั้น ไม่สามารถกันเชื้อโรคต่างๆ ได้
- หน้ากากอนามัยแบบฟองน้ำ ไม่สามารถกันเชื้อโรคได้เลย กันฝุ่นและเกสรดอกไม้ได้นิดหน่อย
หน้ากากอนามัยแบบผ้าชนิดต่างๆ ก็เป็นหน้ากากอนามัยทางเลือกในสภาวะที่หน้ากากอนามัยขาดแคลน แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนยืนยันได้ว่าสามารถป้องกันได้มากน้อยขนาดไหน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ใส่เลย ก็ขอให้ดูแลสุขภาพและความปลอดภัยกับตัวท่านเองด้วยนะคะ สุดท้ายมีวิธีการใช้หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธีมาฝากกัน
- เริ่มจากการเลือกหน้ากากอนามัยให้มีขนาดพอดีกับใบหน้า ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป
- ก่อนสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่
- สวมหน้ากากอนามัยให้คลุมทั้งปากและจมูก โดยเอาด้านที่มีลวดไว้ด้านบน หันเอาด้านที่มีสีเขียวหรือสีเข้มออกด้านนอก แล้วปรับสายคล้องหูให้พอดีกับใบหน้า ให้รอยจีบพับลงอยู่ด้านหน้า จากนั้นดัดลวดให้แนบสนิทกับใบหน้าของผู้สวมใส่ อย่าให้มีช่องว่างระหว่างใบหน้ากับหน้ากากอนามัย
- ในกรณีที่เป็นหน้ากากชนิดผ้า สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยการนำไปซักกับผงซักฟอกและตากให้แห้งก่อนนำมาใช้ซ้ำ แต่หากเป็นชนิดกระดาษควรเปลี่ยนทุกวัน
- หลังจากเลิกใช้ หรือเปลี่ยนหน้ากาก ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และนำหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วทิ้งลงถังขยะที่มีฝาปิดสนิท
Cr. อ.ดุสิตา ศุภผลา นักเขียนกิตติมศักดิ์นิตยสาร Hairworld Plus+, คอลัมน์ Pro.Skills นิตยสาร Hairworld Plus+ ฉบับที่ 35