วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากมาย หลายธุรกิจหลายกิจการต้อง “Shut Down” ถูกสั่งปิดชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ในส่วนของ “ร้านทำผม-ร้านเสริมสวย” ที่ต้องปิดร้านมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้…เป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ภาครัฐจึงได้ “ปลดล็อก” ผ่อนคลายมาตรการและอนุญาตให้กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง แต่จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยของกรมอนามัยอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เชื้อโควิดกลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักอีก
แต่การปลดล็อกเปิดร้านทำผมแบบผ่อนปรนนี้ มีผลต่อการทำงานของช่างผม หรือ การให้บริการลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ตามมาฟังเสียงสะท้อนของ 5 ช่างผมคนดังเหล่านี้กัน เริ่มจาก คุณป๊อก เชลซี แฮร์สไตลิสต์ และกูรูช่างผมชื่อดัง แห่ง Pok Chelsea Bangkok Hair Salon และนักเขียนกิตติมศักดิ์นิตยสาร Hairworld Plus+, อ.จ๋า-ดุสิตา ศุภผลา อาจารย์คนดังแห่งวงการช่างผม, เจ้าของ Oazis Salon และนักเขียนกิตติมศักดิ์นิตยสาร Hairworld Plus+, คุณโอ๊ต หรือไอด้า – ไวคูณฐ์ ยิ่งวัชรศิริโชติ เจ้าของร้าน IDA Stylish Salon, คุณต่อ-ธารากร ธาราธำรงฤทธิ์ เจ้าของ KUDOS BY TARAKORN และ แป้งร่ำสปา แอนด์ คลินิก และคุณลีโอ-ภูวาเดช สุวรรณพงษ์ เจ้าของร้าน Champ Hair Center
ได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากโควิด-19
คุณป๊อก: แน่นอนว่าได้รับผลกระทบอยู่แล้ว แต่อย่างเรื่องค่าเช่าก็จะไม่มีเพราะเป็นร้านที่ซื้อขาด ไม่มีปัญหาเหมือนบางร้านที่เช่าที่ในห้าง แต่เรื่องที่ต้องรับผิดชอบก็จะมีค่าไฟ ค่าพนักงาน ซึ่งเราจะปล่อยให้เขาไปโดยไม่มีเงินติดตัวเลยไม่ได้ ก็ต้องซัพพอร์ตเขาในช่วงเวลาที่ร้านปิด เพราะมันไม่ใช่เรื่องทางด้านกฎหมายอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องมนุษยธรรม เป็นเรื่องของช่างผมที่เราต้องช่วยเหลือ
อ.จ๋า: ในส่วนของที่ร้านสาขาอ่อนนุชไม่ได้รับผลกระทบเรื่องค่าเช่า เพราะเป็นตึกของเราเอง ส่วนช่างผมที่ร้านเราก็ช่วยเหลือจ่ายเงินให้เต็มเดือน และให้ไปทำเรื่องรับเงินช่วยเหลือจากประกันสังคม เพื่อใช้ชีวิตอยู่ได้ในช่วงที่ร้านปิดและไม่มีรายได้
คุณโอ๊ต ไอด้า: ทางร้านได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะต้องหยุดให้บริการ ส่วนในตอนนี้มีการอนุญาตให้เปิดร้านได้ แต่ถ้าต้องเปิดแล้วตัดผมได้อย่างเดียวก็จะทำไห้ขาดรายได้จากการทำสีไปมาก เพราะลำพังตัดผมอย่างเดียวต้องซอยกันจนมือหงิกกว่าจะได้ค่าเช่า
คุณต่อ Kudos: วิกฤติโควิดครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิต และเรียกว่าได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ เพราะร้าน KUDOS ที่มีอยู่ 4 สาขา อยู่ในห้างสรรพสินค้าที่ค่าเช่าสูงมาก และยังมีพนักงานกว่า 70 ชีวิตที่ต้องดูแล ช่วงที่ผ่านมาก็ได้หันมาทำน้ำพริกสูตรเด็ดของคุณแม่ออกมาขาย ใช้ชื่อแบรนด์น้ำพริกแม่ติ๋ม เพื่อช่วยเป็นค่าใช้จ่ายให้กับน้องๆ ที่ยังอยู่ด้วยกันตอนนี้
คุณลีโอ Champ: แน่นอนครับผมเชื่อว่าทุกๆ ร้านได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด เพราะอาชีพเสริมสวยเราอยู่ในธุรกิจสุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะเราจะต้องดูแลสมาชิกในองค์กรของเราให้ดี แล้วในวิกฤติแบบนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกทั้งค่าเช่าร้าน ค่าน้ำค่าไฟ ส่วนน้องๆ ที่ร้านเราก็อยู่เหมือนครอบครัวก็ยังช่วยแลกันไปในส่วนของอาหารการกิน แต่ก็มีบางคนอยากกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรก็ถือว่าช่วยๆ กันไปครับ
มีความเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับมาตรการของภาครัฐ
คุณป๊อก: จริงๆ ช่างเสริมสวยทุกคนก็รักตัวเองอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ต้องบอกเลยว่าเราต้องป้องกันตัวเองยังไง เราต้องเรียนรู้อยู่แล้ว ซึ่งตัวพี่เองก็จะเริ่มทำที่ร้าน อย่างเช่นการลงทุนตรวจโควิดให้กับพนักงานทุกคน และจะมีเข็มกลัดติดให้ด้วยว่าผ่านการตรวจโควิดแล้ว ลูกค้าเห็นก็จะมั่นใจว่าปลอดภัย ส่วนเรื่องการใส่หน้ากาก ใส่เฟซชิลด์ก็เห็นด้วย เพราะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ ส่วนลูกค้าที่มาก็คงไม่ต้องขอเช็กประวัติอะไร เพราะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และเขาก็รักตัวเอง เพราะฉะนั้นมาร้านเสริมสวยก็ปลอดภัยทั้งตัวช่างและตัวลูกค้าแน่นอน
อ.จ๋า: มาตรการต่างๆ ที่ออกมาก็ถือว่าช่วยเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของตัวช่างผมเองด้วย ก็อยากให้ทุกร้านปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อในอนาคตภาครัฐจะได้เห็นว่าอาชีพช่างผม-เสริมสวยนั้นปลอดภัย ก็จะได้ผ่อนปรนให้มากขึ้น และที่สำคัญมาตรการต่างๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่เป็นมาตรฐานอาชีพที่ช่างผมควรปฏิบัติกันมานานแล้วด้วย ในช่วงนี้เมื่อต้องทำตามมาตรการของรัฐแล้วก็อยากให้ทุกคนใส่ใจและทำอย่างจริงจัง เพื่อเป็นมาตรฐานของตัวเองในอนาคต
คุณโอ๊ต ไอด้า: ผมเห็นด้วยอย่างมากในการคุมเข้มมาตรการดังกล่าว และควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะเชื้อโควิด-19 มันติดต่อง่ายทางการหายใจ ไอจาม ใส่กัน และด้วยบางร้านอากาศไม่ได้ถ่ายเท ก็อาจจะเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคตรงนี้ได้
คุณต่อ Kudos: โดยส่วนตัวเข้าใจเหตุผลทางสาธารณสุขนะครับว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่ทางรัฐควรเข้าใจเหตุผลทางธุรกิจร้านเสริมสวยด้วย เพราะการตัดผมและสระไดร์เป็นรายได้เพียง 10% ของร้านเท่านั้น แต่เมื่อรัฐประกาศมาแบบนี้โดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม มันอาจเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการมากขึ้นกว่าเดิม จากที่ไม่มีรายได้ กลับกลายเป็นติดลบต้องหามาจ่ายส่วนที่ขาดทุนอีก แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้โทษรัฐนะครับ แต่ท่านอาจจะไม่ได้เข้าใจในธุรกิจเสริมสวยว่ามันมีอะไรมากกว่าหวีและกรรไกรครับ
คุณลีโอ Champ: ผมคิดว่าเมื่อเดินเข้ามาในร้านแล้วทุกอย่างมีความเสี่ยงเหมือนกันหมด ไม่ใช่ว่าทำงาน 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง จะมีความเสี่ยงน้องกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าสมมุติมีคนติดโควิดเดินเข้ามาในร้านแล้วไม่ใส่แมส ทั้งช่างและลูกค้าก็อาจติดกันตั้งแต่นาทีแรกแล้ว เพราะฉะนั้นผมคิดว่าถ้าจะสั่งปิดก็ปิดไปเลย สั่งเปิดก็เปิดไปเลย เพราะอาชีพเสริมสวยต้องสัมผัสกับลูกค้าโดยตรงอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญเจ้าของร้านเองจะดูแลลูกค้าอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุดสำคัญกว่า
คุณโอ๊ต-ไวคูณฐ์ ยิ่งวัชรศิริโชติ
ช่างผมควรปรับตัวอย่างไรในช่วงโควิด
คุณป๊อก: เรื่องของการปรับตัวคิดว่าทุกคนมีแนวมุมมองของต่างกันไป อย่างที่ร้านก็จะเตรียมตัวสู่การเป็น International Salon มีการควบคุมเรื่องความสะอาดในร้าน การตรวจโควิดให้พนักงาน มีระบบเรื่องการนัดลูกค้าเพื่อลดความแออัดในร้าน และการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อฆ่าเชื้อ แม้กระทั่งสเปรย์ฉีดผม หรือการเลือกน้ำแร่ไว้ให้บริการลูกค้า เรื่องต่างๆ นี้ก็จะทำให้ทั้งตัวช่างและลูกค้ามีความสบายใจ เพราะลูกค้าที่มาใช้บริการก็อยากเลือกที่จะเข้ามาในซาลอนที่สะอาด ซึ่งส่วนตัวคิดว่าทุกๆ ซาลอนปรับตัวได้แน่นอน และในอนาคตข้างหน้าซาลอนไทยก็จะยกระดับเป็นอินเตอร์ เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้นในเรื่องของความสะอาด เพราะหลังจากนี้โลกต้องเปลี่ยนแน่นอน หลังจากไวรัสโควิดแล้วชีวิตและไลฟ์สไตล์ของมนุษย์จะเปลี่ยนทั้งหมด
อ.จ๋า: ช่วง 14 วันที่ภาครัฐจะประเมินนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญมากๆ จะเป็นช่วงตัดสินว่าร้านตัดผมจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต และอยากให้คิดเรื่องหารายได้เสริมไว้ เช่น การแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงหรือดูแลเส้นผมให้ลูกค้าไปใช้ดูแลผมต่อที่บ้าน อาจจะต้องหาหลายๆ เรทราคาให้ลูกค้าได้เลือกเพราะแต่ละคนก็มีความพร้อมไม่เท่ากัน หรือจัดให้บริการเสริมที่ใช้เวลาไม่นาน เช่น ทำทรีทเม้นท์ผม
คุณโอ๊ต ไอด้า: ก่อนอื่นต้องยอมรับความจริงกับสิ่งเกิดขึ้นครับ การปรับตัวต้องปรับอยู่แล้ว แต่ละคนจะมีวิธีการรับมือในแบบของตัวเองที่แตกต่างกันไป ส่วนผมขอตอบแบบกว้างๆ ละกันครับ เพื่อความอยู่รอดของเรา การป้องกันตัวเองในเรื่องของความสะอาด การฆ่าเชื้อเครื่องมือต่างๆ และการป้องกันทุกวิธีควรปฏิบัติและใส่ใจเรื่องนี้เป็นหลัก และการปรับตัวไห้เข้ากับยุคที่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไห้ตั้งรับไว้ไห้ดี ใช้สติในการคิด การใช้ชีวิตพอเพียง ปฏิบัติตามกฎและกติกาของสังคม ช่วยกันดูแลตัวเองและคนรอบข้างไห้ดี “จนกว่าจะเจอวัคซีน”
คุณต่อ Kudos: ช่างทำผมเราต้องปรับตัวอยู่แล้วครับ กับเหตุการณ์นี้คือเรื่องความสะอาด สุขอนามัย ที่ต้องเพิ่มเติมมากขึ้น การใช้ชีวิตที่มี New Normal ในการดำเนินชีวิตแบบใหม่ แต่ก็ต้องมีทางออกให้พวกเราในวิชาชีพทำผมด้วย ผมเชื่อว่าช่างผมทุกท่านยินดีปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบายอย่างเต็มที่ แต่ควรมีทางออกในการทำมาหากินให้พวกเราด้วยครับ
คุณลีโอ Champ: การปรับตัวของเราหลักๆ เรื่องความสะอาดต้องมีอยู่แล้วแน่นอน แต่การบริหารจัดการในเรื่องการรับลูกค้าก็สำคัญเพื่อลดการแออัดก็จะต้องมีด้วย เราแค่ลองเอาตัวเราไปเป็นลูกค้าดู เราอยากได้รับความปลอดภัยและได้รับการบริการแบบไหนเราก็ทำกับลูกค้าเราแบบนั้น
วิกฤติโควิดให้บทเรียนอะไรกับ “ช่างผม” บ้าง
คุณป๊อก: ในช่วงที่ต้องเก็บตัวอยู่บ้านก็ได้ข้อคิดหลายอย่าง เช่น โควิดจะไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อเท่ากัน นอกจากนั้นก็ทำให้เรารู้สึกรักตัวเองมากขึ้น และรักคนอื่นมากขึ้นในการที่จะต้องช่วยเหลือสังคม
อ.จ๋า: ในสถานการณ์ปกติช่างผมเป็นอาชีพที่หาเงินได้ง่ายมาก เป็นอาชีพที่จะไม่มีวันตกงาน แต่พอเกิดวิกฤตนี้กลายเป็นว่าช่างผมตกงานเป็นอาชีพแรกๆ และได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก เหตุการณ์นี้ก็น่าจะทำให้หลายคนกลับมาคิดเรื่องการเก็บออมและวางแผนชีวิตกันให้มากขึ้น
คุณโอ๊ต ไอด้า: ทุกคนทุกอาชีพควรได้รับบทเรียนครั้งนี้ ขอโยงไปถึงความตกต่ำของเศฐกิจจากพิษโควิด ที่ในเวลาที่คุณทำได้ คุณควรเก็บและสำรองเงินไว้ในยามฉุกเฉิน ใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท เพราะครั้งนี้กระทบกันทั่วโลก อย่ามัวแต่โทษรัฐบาลอยู่เลย โทษตัวเองก่อนเลยว่าเราพลาดอะไรไปบ้าง และเราควรคำนึงถึงอนาคตอย่างไร
คุณต่อ Kudos: วิกฤติครั้งนี้สอนเรามากมายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออม เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือวิกฤติที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่มีใคร หรือไม่มีมาตรการใดที่จะช่วยเหลือเราได้เลยนอกจากตัวเราเอง
คุณลีโอ Champ: วิกฤติโควิดทำให้เราคิดได้ว่านอกจาก “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” และ “การไม่มีหนี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐ” เช่นกัน เหตุการครั้งนี้ผมเชื่อว่าทุกคนคงมีสติในการใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ บทเรียนที่ได้รับส่วนตัวผมคิดว่าระหว่างที่มนุษย์เรากำลังตกอยู่ในภาวะโรคระบาด ผู้คนล้มตายนับแสนแต่เพื่อนร่วมโลกเราสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ รวมทั้งธรรมชาติกำลังฟื้นฟูอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นในอนาคตผมคิดว่าเราจะปฏิบัติตัวอย่างไรให้โลกในอนาคตเราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข หยุดทำลายโลกเถอะครับ
อยากบอกอะไรกับรัฐบาลบ้าง
คุณป๊อก: ธุรกิจเสริมสวยไม่ได้เสี่ยงติดเชื้อเลย แต่น่าจะเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ต้องเปิดก่อนด้วยซ้ำ และในอนาคตอยากให้ประเทศไทยพัฒนาด้านประกันชีวิต หรือสวัสดิการต่างๆ เพราะเรื่องของระบบประกันสังคมก็ยังไม่ดี ก็อยากให้บ้านเรามีระบบดีๆ เหมือนของต่างประเทศ
อ.จ๋า: อยากฝากเรื่องการช่วยเหลือช่างผมเพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก และตอนนี้เรื่องการเยียวยายังไม่ชัดเจน แต่ในส่วนของช่างผมก็จะพยายามปฏิบัติตามมาตรการของรัฐอย่างเต็มที่
คุณโอ๊ต ไอด้า: รัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว และอยากไห้เพิ่มการควบคุมให้เข้มงวดมากขึ้น โรคระบาดอยู่เหนือการควบคุม ในชีวิตนึงเกิดมาคุณเคยเจอหรือยัง? ในช่วงนี้เป็นเวลาที่ต้องคอยไห้กำลังใจกัน ทำหน้าที่ตัวเองไห้ดีที่สุด ไม่ใช่คอยแต่จะว่าหรือตำหนิรัฐบาล เราทุกคนควรช่วยกันครับ
คุณต่อ Kudos: ในส่วนของความไม่แน่นอนของมาตรการของรัฐ เป็นเรื่องที่สร้างความลำบากในการเตรียมตัวเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างใช้เงินทั้งหมด อยากให้ระบุให้แน่นอนว่าจะต้องทำอย่างไร เวลาไหน พวกเราจะได้เตรียมตัว เพราะทุกวันนี้ลุ้นกันวันต่อวันยิ่งกว่าลุ้นหวยเสียอีก ว่าจะได้เปิดมั้ย หรือจะวางแผนชีวิตอย่างไรได้บ้าง
คุณลีโอ Champ: ที่ผ่านมามีเรื่องของความไม่ชัดเจน ไม่แน่นอนหลายอย่าง รวมทั้งเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือช่างผม หลายคนลำบากมากๆ ในส่วนของช่างผมทุกคนก็จะปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้เปิดให้บริการให้ด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะทำสี ยืด ดัด ในอนาคต
ฝากถึงพี่น้องช่างผม
คุณป๊อก: อยากให้กำลังใจทุกคน และให้คิดเรื่องการวางแผนชีวิต โควิดก็สอนให้ช่างเสริมสวยรู้ว่า น่าจะหาสิ่งที่ทำให้ชีวิตมั่นคงขึ้น อย่างเช่นการทำประกันชีวิตหรืออะไรก็แล้วแต่ รวมไปถึงเรื่องการเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในช่วงจำเป็น เผื่อวันข้างหน้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะโควิดจะอยู่กับเราไปอีกนาน ถึงจะมีวัคซีนก็ตาม แต่มันก็จะอยู่ในฐานะโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดหนึ่งเหมือนกับไข้หวัด H1N1
อ.จ๋า: ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ต้องอดทนกันนิดนึงในช่วงนี้ และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด และทำให้ดีที่สุด เพราะช่วงนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ช่างผมได้ยื่นข้อเรียกร้องไป ทั้งเรื่องการขอเยียวยา หรือรับรองว่าจะปฏิบัติตามแนวทางต่างๆ นั้น เราสามารถทำได้ตามนั้นจริงๆ และตอนนี้รัฐบาลเห็นอาชีพเราอยู่ในสายตาแล้ว ก็ขอให้อดทนเพื่ออนาคตจะได้รับการผ่อนปรนมากขึ้น
คุณโอ๊ต ไอด้า: อยากบอกเพื่อนๆ ช่างทำผมว่าให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เราอยู่ที่นั่งเดียวกัน เกิดมาในยุคเดียวกัน เจออะไรไม่ต่างกันในช่วงนี้ คิดซะว่าให้เราได้หยุดพัก และลองหาสิ่งอื่นที่เราได้จากที่บ้านในช่วงที่เราต้องหยุดอยู่บ้าน เราทุกคนมีความสามารถหลายด้าน ทำอะไรไห้เกิดประโยชน์หรือทำให้เราสนุกกับชีวิตได้อีกหลายแบบ ตอนนี้การดำเนินชีวิตจะเปลี่ยนไปมาก ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ขอให้เตรียมรับมือกับการดำรงชีวิตแบบใหม่ ทำมันให้เป็นเรื่องธรรมดา (New Normal) แล้ววันนึงเราจะชินกับมันเองในไม่ช้า ทุกสิ่งบนโลกเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แค่เราจะตั้งรับมือกับมันยังไง ความเข้มแข็งและอดทน จะทำไห้เราผ่านมันไปได้
คุณต่อ Kudos: ไม่ว่าวันนนี้เราจะเจอเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดไหน แต่ผมเชื่อว่าเมื่อมันผ่านเข้ามาได้ มันก็จะผ่านพ้นไปได้เช่นกัน ขอเพียงเพื่อนๆ พี่น้องช่างผมทุกท่านตั้งสติให้ดี ค่อยๆ แก้ปัญหาไป อย่ายอมแพ้ แล้วเราจะผ่านพ้นมันไปด้วยกัน เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
คุณลีโอ Champ: ฝากถึงช่างผมด้วยกันอย่าท้อครับ ผมเห็นบางคนประกาศเซ้งร้าน เห็นบางคนถ่ายคลิปร้องไห้กับการต้องแบกภาระ เห็นแล้วก็เข้าใจทุกๆ คนเพราะต้นทุนชีวิตเรามาไม่เท่ากัน แต่จงคิดเสมอว่าไม่สายที่จะนับหนึ่งใหม่ ไม่มีคำว่าจนสำหรับคนขยัน ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ สู้ๆ ครับ
คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเราทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวงการอาชีพช่างผม เสริมสวย หรืออาชีพที่ต้องให้บริการ สัมผัสกับคนหมู่มาก ที่จะต้องได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างจะรุนแรงมากกว่าอาชีพอื่นๆ Hairworld Plus+ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ขอให้ต่อสู้ ดำเนินชีวิต และประคองธุรกิจต่อไปให้ได้อย่างเข้มแข็ง ในช่วงที่ยากลำบากเช่นนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการ “ให้กำลังใจตัวเอง และคนรอบข้าง” …สู้โควิดไปด้วยกัน แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกัน