ในยุคนี้มีนวัตกรรมความงามใหม่ๆ มากมาย ให้สาวๆ เลือกกัน ใครที่อยากสวยเร็วทันใจแบบไม่เจ็บตัว ก็ต้องคุ้นกันไม่ว่าจะทำโบท็อก ทำเลเซอร์ หรือฉีดวิตามินต่างๆ รวมทั้งการทำ Hifu ที่นิยมกันในกลุ่มที่อยากให้ใบหน้าเข้ารูป และลดริ้วรอยต่างๆ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักนวัตกรรมความงามนี้กัน ใครที่ยังไม่รู้ว่า Hifu คืออะไร และมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ตามมาอ่านกันก่อนตัดสินใจทำ Hifu กันค่ะ
Hifu คืออะไร
สำหรับคนที่อยากยกกระชับใบหน้า ให้ใบหน้าดูเข้ารูป และลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด การทำ Hifu ถือเป็นทางเลือกที่ดี และราคาไม่สูงจนเกินไป โดย Hifu นั้นใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ที่เกิดเป็นความร้อนใต้ชั้นผิวตามความลึกที่กำหนดได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะลงลึกถึงชั้น SMAS กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน โดยพลังงานที่ส่งลงไปในชั้นผิวอย่างสม่ำเสมอ เวลาทำจะรู้สึกอุ่น ๆ ไม่มีอันตราย และผลลัพธ์ที่ได้คือผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย ใบหน้าเข้ารูป และริ้วรอยลดเลือนลง การทำ Hifu 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน
ข้อเสียของการทำ Hifu
แต่การทำ Hifu นอกจากข้อดีข้างต้นแล้ว ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง ก็คือ มีอาการเมื่อยตึงที่หน้า โดยหลังจากที่เราทำ Hifu ก็จะมีความรู้สึกเมื่อยที่ใบหน้า รู้สึกว่าพื้นผิวบริเวณนั้นจะตึงขึ้นและดูอิ่มน้ำขึ้นมานิดๆ แต่ก็ไม่ต้องกังวลมาก เพราะจะกลับเป็นปกติใน 1-2 วัน และอีกหนึ่งอาการข้างเคียงที่พบบ่อยก็คือ มีอาการเสียวฟันในบริเวณที่อุด เพราะเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกมาก ส่วนคนที่ไม่เคยอุดฟันก็สบายใจได้ เพราะอาการนี้จะเกิดเฉพาะคนที่อุดฟันมาแล้วเท่านั้นค่ะ
ใครที่ไม่ควรทำ Hifu
นอกจากข้อเสียดังกล่าวแล้ว ก็ยังมี 6 กลุ่มที่อยู่ในอาการต่อไปนี้ยังไม่แนะนำให้ทำการรักษาด้วยวิธี Hifu ก็คือ ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือให้ช่วงนมบุตร, ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบหลอดเลือด หรือการแข็งตัวของเลือด , ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด / ยาต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือด (Anticoagulant) , ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง , ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเริม และผู้ที่กำลังเป็นสิวอักเสบบนผิวหน้า
รู้จัก Hifu รวมทั้งข้อดีข้อเสียกันแล้ว ใครอยากหน้าสวยไม่หย่อนคล้อยแบบรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องพักฟื้นนานๆ Hifu น่าจะเป็นทางเลือกของสาวๆ กันได้นะคะ