ใครสระผมแล้วชอบปล่อยผมให้แห้งเองบ้าง ทราบไหมคะว่าในตอนที่ผมเราเปียกนั้น เส้นผมจะอ่อนแอและเปราะบาง ขาดหลุดร่วงได้ง่ายกว่าตอนผมแห้ง ยิ่งหากปล่อยให้ผมเปียกนานๆ เชื้อโรคต่างๆ จะยิ่งเข้าสู่หนังศีรษะได้ง่าย นอกจากจะทำให้เราป่วยได้แล้วอาจทำให้หนังศีรษะของเรามีกลิ่นอับด้วย ดังนั้น จึงควรเป่าผมให้แห้งทันทีหลังจากที่สระผมแล้ว แต่เคยสังเกตกันไหมคะว่าเวลาเป่าผม ทำไมไดร์เป่าผมถึงได้มีหลายระดับ หลายฟังก์ชั่น มีทั้งลมร้อนและลมเย็นให้เราเลือก นั่นก็เพราะว่ามันมีเหตุผลอยู่ค่ะ วันนี้ Hairworld Plus+ จะพาไปไขข้อสงสัยกัน
ลมร้อนกับลมเย็นนั้นใช้ในจุดประสงค์ที่ต่างกัน
ลมร้อน
มีไว้สำหรับเป่าเพื่อกำหนดรูปแบบของทรงผม เพราะความร้อนรวมถึงผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ทาลงบนเส้นผมจะช่วยให้เส้นผมขึ้นรูปทรงได้ตามต้องการ
ข้อควรระวังในการใช้ลมร้อน
คือ ยิ่งใช้ความร้อนมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการรบกวนต่อมผลิตน้ำมันบนหนังศีรษะ ทำให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้นง่าย เกิดการแห้ง กรอบ เปราะบาง หนังศีรษะลอกเป็นขุย กลายเป็นรังแคได้ง่ายขึ้น
ลมเย็น
มีไว้เพื่อล็อกผมให้อยู่ทรง และการที่ผมจะอยู่เป็นทรงได้นั้นจะต้องใช้ลมเย็นเป่าผมให้คลายจากความร้อนหลังจากการใช้ลมร้อน ความเย็นจะทำให้เกล็ดผมปิดลง ทำให้เส้นผมนุ่มสลวยเงางาม และยังช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและเหงื่อได้ดีอีกด้วย
ผมจะสวยสุขภาพดีนั้น ขึ้นอยู่กับการเป่าผมด้วยนะคะ ดังนั้น ไม่ใช่ว่าจะเป่าผมโดยใช้ลมร้อนอย่างเดียว แม้จะช่วยย่นระยะเวลาในการทำให้ผมแห้งได้มากกว่าลมเย็น แต่สิ่งที่จะตามมานั้นอาจกลายเป็นผลเสียในระยะยาวได้ ดั้งนั้น ใครที่พอมีเวลาควรจะใช้ลมเย็นในการเป่าผมให้แห้งจะดีต่อเส้นผมที่สุด หรือหากเร่งรีบจริงๆ จำเป็นจะต้องใช้ลมร้อนในการช่วยทำเวลาในการเป่าผม ก็ควรจะถือไดร์ให้อยู่ในระยะห่างพอประมาณ ไม่ควรถือจ่อหนังศีรษะและเส้นผมเกินไป และอย่าลืมใช้สเปรย์ เซรั่มบำรุงผม หรือผลิตภัณฑ์ป้องกันเส้นผมจากความร้อนก่อนไดร์ผม ก็จะเป็นการช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนได้อีกทางหนึ่ง เท่านี้ก็จะเป็นการช่วยถนอมเส้นผมได้แล้วค่ะ