พรุ่งนี้จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป การทำธุรกิจเสริมสวยก็เช่นเดียวกัน วิกฤตการณ์โควิด-19 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก ภาคธุรกิจจึงต้องมีการวางแผนรับมือวิถีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (New Normal) การจ้างงานรายเดือนปรับเปลี่ยนสู่ Gig Economy ใช้ฟรีแลนซ์ (Freelance) มากขึ้น นำระบบ Big Data มาใช้ประโยชน์ทำความเข้าใจกับลูกค้า รวมถึงลดต้นทุนและระยะเวลาดำเนินการ และจะเกิดภาวะ ”เศรษฐกิจติดบ้าน“ หรือความเคยชินกับการอยู่บ้านทำงาน ภาคธุรกิจเสริมสวยเตรียมรับมือ 7 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1. ในยุคของการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ก็จะมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้มากขึ้น ลูกค้าเองก็เปลี่ยนวิถีชีวิต มีการทำงานแบบ Work From Home สั่งอาหารแบบ Delivery เกิดความคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านมากขึ้น ออกจากบ้านน้อยลง อาจจะถึงยุคที่ช่างจะต้องหิ้วกระเป๋าไปให้บริการลูกค้าถึงบ้านก็เป็นได้ การให้บริการผ่านระบบจองคิวล่วงหน้า การจ่ายค่าบริการต่างๆ ผ่านมือถือ Mobile Banking หรือการโอนเงินผ่าน Application ต่างๆ
2. การปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ให้มีความยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ช่างทำผมส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการหาความรู้ใหม่ๆ จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ใช้ชีวิตผ่าน Applicationต่างๆ ในมือถือ หรือ Smart Phone การทำ Clip Video แบบสั้นๆ เพื่อส่งเสริมการขาย การ Live สดผ่าน Facebook หรือ Youtube เพื่อใช้เป็นช่องทางให้คนทั่วไปรู้จักร้านของเรามากขึ้น สำหรับธุรกิจเสริมสวยหรือร้านทำผมขนาดใหญ่ ก็จำเป็นที่จะลดจำนวนช่างหรือผู้ช่วยช่างลงเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนลูกค้าที่ลดลง และทำตามคิวนัดหมาย การจ้างช่างแบบรายเดือนอาจจะลดลง การจ้างงานจากรายเดือนจะเป็นการจ้างแบบ Gig Economy มากขึ้น คือจ้างเป็นครั้งๆ มีอิสระในการจ้างงานเพื่อลดภาระ อาจจะจ้างเป็นพาร์ทไทม์ หรือจ้างช่างฟรีแลนซ์
3. การเติบโตของธุรกิจแบบไร้สัมผัส เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้การทำงานแบบมีประสิทธิภาพ ถ้าเรารู้เท่าทันเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เร็วเท่าไหร่ ความได้เปรียบทางธุรกิจก็จะมีมากขึ้น นี่แหละคือสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับช่างเสริมสวย ช่างตัดผมในบ้านเรา เราควจะต้องเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ นำมาปรับใช้ในธุรกิจของเรา อาจจะต้องใช้เวลา และอาจจะต้องเสียเวลาเรียนรู้ แบบค่อยเป็นค่อยไป ลูกค้าเองก็มีโอกาสเรียนรู้มากขึ้น เห็นเทคนิคต่างๆ มากขึ้น เพราะฉะนั้นตัวช่างเองก็หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ไม่ได้เช่นกัน รูปแบบการเรียนรู้ก็เปลี่ยนไป โอกาสที่จะเข้าคอร์สเรียนตัวต่อตัวหรือเรียนตามโรงเรียนต่างๆ ก็จะน้อยลง การเรียนออนไลน์จะมีบทบาทมากขึ้น เรียนเมื่อไหร่ ตอนไหนก็ได้ นี่แหละคือข้อดี และค่อนข้างที่จะได้ผลชัดเจน กับคอร์ส Advance ต่างๆ สำหรับช่างที่มีพื้นฐานหรือต้องการเพิ่มเทคนิคและทรงใหม่ๆ และน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น โรงเรียนเสริมสวยหรือสอนตัดผมก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน
4. การกระตุ้นเศษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นของภาครัฐส่งผลต่อการดำเนินธุรกิของภาคเอกชนตามวิถีใหม่ ซึ่งยุทธศาสตร์ชาติเน้นในเรื่องของงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมากกว่างานด้านบริการและงานด้านศิลปะ การบริการในรูปแบบเดิม (Traditional Services) จะถูกปรับเปลี่ยนเป็น High Value Services บริการที่มีมูลค่าสูง เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยมากขึ้น ผู้ประกอบการก็ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะที่สูงขึ้น จึงมีผลกระทบแน่ๆ กับอาชีพธุรกิจเสริมสวยทั้งระบบ ซึ่งถ้าเราไม่ปรับตัวและก้าวให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ก็จะล้มเหลวและล้าหลังในเชิงธุรกิจได้
5. การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และรับผิดชอบต่อสังคมให้มากกว่าผลกำไร พูดง่ายๆ ก็คือช่วงนี้ต้องช่วยๆ กันประคับประคอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกันไปก่อน ให้ผ่านพ้นวิกฤตโลกตอนนี้ไปให้ได้ก่อน ตามนโยบายของรัฐ มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดที่สุด จากผลกำไรต่างๆ ที่เคยได้อาจจะต้องเจียดมาซื้อพวกวัสดุสิ้นเปลือง เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอร์ ตู้อบฆ่าเชื้อสำหรับอบเครื่องมือที่ใช้บริการลูกค้า น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ
6. ปรับเปลี่ยนงานบริการในทุกๆ ด้านให้สอดคล้องต่อปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลต่อธุรกิจของเรา ที่เห็นชัดๆ คือการให้บริการต่อคนไม่เกิน 2 ชั่วโมง การจัดเก้าอี้บริการและจัดคิวจากระบบจองคิว ในแต่ละรอบไม่ให้แออัดจนเกินไป
7. การมองโอกาสในวิกฤตที่เกิดขึ้น และปรับมุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจ เราคงจะนั่งรอลูกค้าอยู่ที่ร้านอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ปัจจุบันมี Application ปักหมุด ค้นหาร้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียง หรือร้านที่ให้บริการในจุดที่ลูกค้าต้องการ หรือปักหมุด ช่างผมมืออาชีพ เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าสืบค้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสร้างโอกาสและเปิดรับลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการในร้านของเรา อาจจะต้องมีการจัดโปรโมชั่น/การส่งเสริมการขายต่างๆ ผ่านหน้า Page ร้านให้มากขึ้น การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันอาจจะยากขึ้น เพราะวิกฤตครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปหมด และเป็นวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุกธุรกิจก็เหมือนกับจะต้องลองผิดลองถูกและหาจุดที่ลงตัว เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจอย่างยั่งยืน
สู้ต่อไปค่ะ เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
Cr. อ.ดุสิตา ศุภผลา นักเขียนรับเชิญกิตติมศักดิ์ นิตยสาร Hairworld Plus+
คอลัมน์ Pro.Skills นิตยสาร Hairworld Plus+ ฉบับที่ 36