สำหรับช่างผมที่ต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานวิชาชีพช่างผม อาจารย์ดุสิตา ศุภผลา Guest Contributors และนักเขียนประจำคอลัมน์ Pro.Skills นิตยสาร Hairworld Plus ได้เขียนแนะนำเรื่อง “มาตรฐานวิชาชีพผมชายระดับ 3” พร้อมอธิบายแนวทางการสอบมาตรฐานไว้แล้ว
มาตรฐานวิชาชีพผมชายระดับ 3 ความสามารถก็จะเริ่มครอบคลุมมากขึ้นในเรื่องของการตัดผมทรงมาตรฐานตั้งแต่ทรงสูง ทรงกลาง และทรงต่ำ
ทรงสูง ซึ่งได้แก่ ทรงนักเรียน ทรงทหารเกณฑ์ ทรงอเมริกัน และรองทรงสูง ซึ่งเน้นทักษะการใช้ปัตตาเลี่ยน (Clipper) และเทคนิคการรองหวี หรือใช้ฟันรอง (Clipper Guard) ให้เกิดความชำนาญ การใช้กรรไกรตัดและกรรไกรฟันยังเป็นแค่อุปกรณ์เสริมและปรุงแต่งให้ทรงสมบูรณ์และนวลกลืนมากขึ้น เน้นทรงผมส่วนล่างขาว นวลจนถึงขมับและจุดทุยสูงของรูกะโหลกศีรษะด้านหลัง ความยากจะอยู่ที่ระดับของความสูงของแนวที่ใช้ปัตตาเลี่ยน และรอยเชื่อมต่อทรงจากขาวมานวล และไล่กลมกลืนกับผมด้านบน และต้องตั้งระดับความสูงของแนวใช้ปัตตาเลี่ยนให้เท่ากันทั้ง 2 ข้าง และให้สมดุลกับความสูงของผมด้านหลัง
ผมทรงกลาง เป็นกลุ่มของทรงผม ต้องเริ่มที่จะใช้ทักษะทั้ง 2 อย่างเท่าๆ กัน คือ ต้องใช้ปัตตาเลี่ยนเก่ง และใช้กรรไกรตัดกับกรรไกรฟันปลาได้ดี ผมทรงกลางจะเหมาะกับลูกค้าผมเล็ก ไม่แข็งและไม่หยิก ชี้ฟู มีลอนเล็กน้อยพอหวีให้เข้าทรงได้ง่าย เป็นลูกค้ากลุ่มทำงานเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นทรงที่ค่อนข้างเรียบร้อย การตัดซอยหนาบางตามลักษณะของเส้นผม
ผมทรงต่ำ หรือผมกันขอบเน้นงานซอยด้วยกรรไกรเป็นหลักและใช้ปัตตาเลี่ยนแต่งเล็มแค่ขอบผมไม่สูงมาก ต้องใช้ทักษะการตัดซอยที่ต้องเข้าใจทั้งลักษณะเส้นผม และรูปกะโหลกศีรษะเป็นอย่างดี จึงต้องมีความรู้เรื่งการวิเคราะห์สภาพเส้นผม รูปศีรษะ ผมทรงต่ำจะเหมาะกับผมที่มีเส้นใหญ่ที่มีน้ำหนัก และไม่ต้องการซอยเยอะเพราะถ้าซอยไล่ทั้งศีรษะจะทำให้หวียาก ผมไม่เกาะกัน แข็งและชี้ ถ้าจะซอยไล่เยอะๆ ต้องใช้การดัดเข้ามาช่วย หรือผมเส้นเล็กและเส้นผมขนาดกลางที่ต้องการซอยไล่ทั้งศีรษะจะหวีง่าย ความยากอยู่ที่ต้องเข้าใจลักษณะของเส้นผมและรูปกะโหลกศีรษะของลูกค้า
จะเห็นได้ว่าช่างผมชายระดับ 3 พื้นฐานทางความรู้เรื่องการวิเคราะห์เส้นผมและโครงสร้างของรูปศีรษะ และ Lifestyle ของลูกค้า ช่างผมชายต้องนำมาพิจารณาร่วมกันในการตัดผมให้กับลูกค้า สิ่งสำคัญอีกอย่าง เมื่อเรามีลูกค้ามากขึ้น เราควรจะมีแฟ้มประวัติเพื่อจัดเก็บประวัติลูกค้าแต่ละคนเพื่อสืบค้นประวัติการทำผมของลูกค้า มีประวัติการแพ้บ้างหรือไม่ ระยะเวลาความถี่ในการตัดผมแต่ละรอบ เพราะการบริการในร้านเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น การจัดแต่งทรงแบบต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรง แบบไหนเหมาะสมกับทรงและเส้นผมอย่างไร ต้องศึกษาผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงให้เข้าใจถ่องแท้ เพราะผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดมีมากมายหลายชนิดหลายแบรนด์ และระดับความอยู่ทรงและความเงา ความมัน มีตั้งแต่บางเบาแบบเป็นธรรมชาติ สำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการความหนักและเหนอะหนะ, แข็งปานกลาง และมีความเงาเล็กน้อย, แข็งพิเศษ ไม่เงา ต้องการการอยู่ทรงขั้นสูงสุด, แข็งอยู่ทรงแต่ดูด้านๆ ไม่มันเงา ซึ่งเข้ากันได้ดีกับอากาศร้อนๆ แบบบ้านเรา
ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงที่ดี จะมีระดับความแข็ง ระดับความเงา บอกชัดเจน จะแทนด้วยตัวเลขตั้งแต่ 0-6 แล้วแต่ ถ้าเราไม่ศึกษาให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนควรใส่ก่อนไดร์ ผลิตภัณฑ์ตัวไหนควรใส่หลังไดร์ และใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผิดจะทำให้เราทำงานยาก และผลสำเร็จของงานอาจจะทำให้ลูกค้าไม่เกิดความพึงพอใจ
การให้บริการนอกจากการตัดซอยแล้ว การเซ็ตทรงก็มีความสำคัญมิใช่น้อย ช่างระดับ 3 ต้องตัดผมทรงมาตรฐานได้ทุกทรงและต้องเซ็ตทรงได้ด้วย ต้องเข้าใจเทคนิคการไดร์ผมทรงต่างๆ และต้องแนะนำถึงเทคนิคการใส่ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรง เมื่อลูกค้ากลับไปสระผมเองที่บ้านแล้ว ควรใส่ผลิตภัณฑ์ตัวไหน และต้องดูแลอย่างไรเป็นพิเศษหรือไม่ ช่างตัดผมชายสมัยก่อนไม่ค่อยสนใจหรือใส่ใจกับทรงผมหลังให้บริการไปแล้ว ลูกค้าเลยไม่รู้ว่าจะต้องหวีหรือจัดแต่งทรงอย่างไร แต่ปัจจุบัน การให้คำแนะนำหลังการให้บริการถือว่าสำคัญมาก เพราะเมื่อลูกค้าเดินออกจากร้านเราไปแล้ว ทรงผมเค้าจะต้องดูดีทุกๆ วัน ทำให้ใครๆ ที่มองเห็น จะต้องถามหาเลยว่าไปตัดผมที่ไหนมา ช่างก็จะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น และบางร้าน ช่างจะเตรียมผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงไว้จำหน่ายลูกค้าด้วยก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับร้านได้เป็นอย่างดี
Credit : คอลัมน์ Pro.Skills นิตยสาร Hairworld Plus Issue 25 โดย อาจารย์ดุสิตา ศุภผลา