ในตอนนี้การเสริมสวยและเสริมความมีอยู่หลายวิธี และที่สาวๆ หรือแม้แต่หนุ่มๆ นิยมมากก็คงต้องยกให้ การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) นั่นเอง แต่จะว่าไปแล้วการฉีดโบท็อกซ์ก็เหมือนเราเข้ารับการรักษาโรคทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้นก็มีเรื่องต้องระวัง รวมทั้งห้ามทำทั้งก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ วันนี้เราก็เลยขอนำข้อมูลดีๆ จาก พญ.พรภุชงค์ เลาห์เกริกเกียรติหัวหน้าศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลพญาไท มาฝากกันไว้ ใครกำลังจะไปฉีดโบท็อกซ์มาอ่านกันนะคะ
ก่อนฉีดโบท็อกซ์
1.หยุดใช้ยากลุ่มกรดวิตามิน A, AHA, สครับหน้า, ขัดหน้า เป็นเวลา 1-2 วันก่อนการฉีดโบท็อกซ์
2.หยุดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen, Naproxen, Motrin วิตามินอี น้ำมันปลา จิงโกะ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
3.งดแอลกอฮอลล์ 24 ชั่วโมง ก่อนการรักษา
4.ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณฝีปาก ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา
หลังฉีดโบท็อกซ์
1.อย่านวด กด หรือกระทำอันใดที่จะมีผลต่อบริเวณที่รักษา เช่น สวมหมวก สวมหมวกกันน็อค หรือนวดหน้า
2.อย่านอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
3.งดการอยู่ในที่ร้อนเช่น อบซาวน่า ปรุงอาหารหน้าเตาร้อน เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
4.รอยนูนจากการฉีดจะหายไปเองภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง
5.งดเว้นการออกกำลังกายอย่างหนักหรือการเล่นโยคะเป็นเวลา 4 ชั่วโมงหลังการรักษา
6.งดการทายาหรือเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเช่น กรดวิตามินเอ AHA วิตามินซีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังการรักษา
7.พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ยากระจายตัวเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
8.สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำได้
9.สามารถใช้เครื่องสำอางได้หลังการรักษาด้วยความนุ่มนวลหลีกเลี่ยงการกดถู
10.ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นผลการรักษาใน 2-7 วัน และเห็นผลการรักษาสูงสุดใน 2 สัปดาห์
11.กลับมาพบแพทย์เมื่อมีข้อสงสัยหรือสิ่งผิดปกติใดๆ
ทั้งนี้แนะนำให้พบแพทย์เพื่อประเมินการรักษา และข้อสำคัญควรเลือกใช้บริการกับ คลินิกโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ และทำการรักษากับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โรงพยาบาลพญาไท 3 มีการ รักษาผิวหน้าเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ทำให้ผิวหน้ากลับมาเต่งตึงอีกครั้ง