การยืดผม อีกหนึ่งวิธียอดฮิตสำหรับสาวๆ ที่อยากมีผมตรงสลวย นอกเหนือจากการยืดผมแบบถาวรแล้ว การทำเคราตินทรีทเมนท์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผมตรงได้เช่นกัน ว่าแต่ทั้งสองวิธีนั้นแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากทุกคนแล้วจ้า
ยืดผมถาวร
การยืดผมถาวร เป็นการทำเคมีผม ที่เปลี่ยนโครงสร้างเส้นผมจากผมหยิกให้เป็นตรงถาวร หลังการยืดเส้นผมจะตรงแบบทื่อๆ และลีบลงด้วย ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ ซึ่งจะแตกต่างจากการยืดเคราติน หรือ ยืดผมวอลลุ่ม เพราะเส้นผมจะดูมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า และเมื่อมีเส้นผมงอกขึ้นใหม่ ผมก็จะหยิก นอกจากนี้การยืดผมบ่อยๆ ก็จะทำให้เส้นผมแห้งเสีย ขาดฟู ได้ง่าย หากไม่ได้รับการบำรุงที่ดีมากพอ
เคราตินทรีทเมนท์
เพราะเคราติน เป็นโปรตีนจากธรรมชาติ ซึ่งจริงๆ แล้วเส้นผมของเราก็มีอยู่แล้วในชั้นเนื้อผม (Cortex) แต่เวลาที่เราทำสีผม ยืดผม ดัดผม หรือแม้แต่โดนความร้อน รวมถึงการทำเคมีเป็นประจำ จะไปทำให้เคราตินที่มีอยู่ในเส้นผมถูกทำลายไป เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมของเรา แห้ง ขาด ฟู ไม่มีน้ำหนัก และจัดทรงยาก
การทำเคราตินทรีทเมนท์ จึงเป็นการเติมเต็มโปรตีนเคราตินที่มีอยู่ในเส้นผมของเราอยู่แล้ว ให้กลับสู่โครงสร้างผม ทำให้ผมของเรากลับมาแข็งแรง นุ่ม เงางาม มีน้ำหนักเรียงเส้น ไม่ลีบแบน ที่สำคัญยังสามารถใช้ทำแทนการยืดผมได้ด้วย
แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะดีกว่าตรงที่ เส้นผมจะทั้งตรงสวยและมีน้ำหนักแบบธรรมชาติ นอกจากนั้นเคราตินยังช่วยลดความหยิกของผมที่เกิดขึ้นใหม่อีกด้วย หลังทำเสร็จก็สามารถสระผม หรือทำอย่างอื่นได้ตามปกติเลย ต่างจากการยืดผมถาวรที่ต้องรออย่างน้อย 3 วัน ถึงจะสระผมหรือมัดผมได้
ยืดผมเคราติน มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
การยืดผมเคราติน คือ การใช้เคราตินสด หรือ เคราตินสำเร็จรูป เคลือบลงบนเส้นผม เสมือนการเคลือบแก้วให้กับเส้นผม ทำให้ผมดูตรงอย่างเป็นธรรมชาติ เงางาม แลดูมีสุขภาพดี
ข้อดีของการยืดผมเคราติน คือ ไม่ทำให้ผมเสียเหมือนการใช้น้ำยายืดผมแบบทั่วๆ ไป เพราะการยืดผมด้วยเคราตินล้วนๆ จะเหมือนเป็นการล็อคผมให้ตรงโดยไม่ใช้เคมี และยังเป็นตัวเคลือบเส้นผมไม่ให้โดนทำร้ายได้อีก เหมาะกับคนที่มีปัญหาผมเสียแบบเกินจะเยียวยา และอยากให้ผมกลับมาดูสุขภาพดีได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย ก็มีอยู่เช่นกัน เพราะการยืดผมเคราตินเป็นเพียงการยืดผมชั่วคราวเท่านั้น จึงอาจต้องมีการเคลือบซ้ำอยู่บ่อยๆ ซึ่งการใช้เคราตินเคลือบเส้นผมเป็นประจำ เคราตินก็จะเข้าไปเคลือบเส้นผมให้ดูหนาขึ้น และอาจส่งผลให้เส้นผมดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ค่อยนุ่มลื่น และทำให้มีผิวสัมผัสที่แข้งกระด้าง รวมไปถึงยากต่อการดัด หรือม้วนลอนให้อยู่ทรงอีกด้วย
เห็นความต่างของการทำผมตรงทั้งสองแบบแล้ว ใครสะดวกแบบไหนก็จัดไปอย่าให้เสีย แต่ที่สำคัญอย่าลืมบำรุงและดูแลเส้นผมกับหนังศีรษะให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยนะ
ขอบคุณข้อมูล : allthingshair