ช่วงนี้ช่างผมและเจ้าของกิจการเสริมสวยต้องลุ้นกันอีกครั้ง ว่าจะกลับมาเปิดร้านตัดผมได้เมื่อไหร่ แต่ระหว่างรอความชัดเจนจากภาครัฐ เรามาเตรียม “ร้าน” ให้พร้อมรับลูกค้ากันดีกว่า
ซึ่งตอนนี้ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้มีคำแนะนำด้านสาธารณสุขสำหรับการเปิดให้บริการร้านตัดผม-ร้านเสริมสวย ในช่วงการผ่อนคลายมาตรการกึ่งล็อคดาวน์ เพื่อความปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งในส่วนของเจ้าของร้าน และผู้มารับบริการ
ในเบื้องต้นกรมอนามัยได้แนะนำให้จัดบริการที่จำเป็นเท่านั้น คือ การตัดหรือซอยผม ส่วนบริการอื่นๆ ให้พิจารณาว่าไม่มีความเสี่ยง โดยไม่ใช้เวลาในการทำนานเกินไป หรือมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันเกิน 1 เมตร เป็นเวลานาน ส่วนแนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าของร้าน ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ใช้บริการ เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มีดังนี้
1. คำแนะนำสำหรับเจ้าของร้าน
1.1 ด้านการให้บริการ
1) จัดให้มีจุดคัดกรองผู้ใช้บริการและผู้ปฏิบัติงาน ด้วยการสังเกตจากอาการในเบื้องต้นหรือใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่ามีไข้ หรือมีอุณหภูมิร่างกายมากกว่าหรือเท่ากับ 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการป่วยทางระบบหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ หรือกลับจากพื้นที่เสี่ยงและอยู่ในช่วงกักกัน ต้องแจ้งงดให้บริการ และแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที
2) เจ้าของร้านต้องมีการบันทึก รายชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ วันที่และเวลา ของลูกค้าทุกรายที่มาใช้บริการ เพื่อให้สามารถติดตามตัวได้ กรณี ต้องมีการสอบสวนโรค
3) จัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่และน้ำสะอาด หรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือไว้บริการลูกค้าในบริเวณต่างๆ ของร้าน เช่น หน้าประตูร้าน โต๊ะ โซฟา เป็นต้น และจัดอีกส่วนหนึ่งเฉพาะสำหรับผู้ปฏิบัติงานภายในร้าน
4) ให้พนักงาน ลูกค้า และผู้มาติดต่อในร้านทุกคน ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการ หรือมาติดต่อร้านตัดผม
5) บริหารจัดการและดูแลลูกค้าผู้มารับบริการไม่ให้มีจำนวนมากเกินไป ด้วยการจำกัดจำนวนลูกค้าที่อยู่ในร้านในเวลาเดียวกันไม่ให้หนาแน่น กรณีที่มีผู้มารับบริการเต็ม ไม่ควรให้ลูกค้านั่งรอในร้าน โดยให้มีการนัดล่วงหน้าก่อนมารับบริการแต่ละครั้ง และจำกัดเวลาให้บริการลูกค้าแต่ละรายไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพื่อลดเวลารอคอยในร้าน ลดโอกาสการสัมผัสและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค
1.2 ด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้
1) ทำความสะอาด ล้างภาชนะอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือสิ่งของเครื่องใช้ให้สะอาดภายหลังมีผู้มาใช้บริการทุกครั้ง ด้วยน้ำยาทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคด้วยสารฆ่าเชื้อโรค เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือโซเดียมไฮโปรคลอไรท์ 0.1% หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน นึ่งหรือต้มหรืออบด้วยความร้อนที่อุณหภูมิอย่างน้อย 70°C
2) เครื่องใช้ เช่น ผ้าเช็ดผม ผ้ายางพลาสติก ผ้าคลุมตัว ให้ใช้กับผู้ใช้บริการต่อคนเพียงครั้งเดียว ไม่ใช้ซ้ำกับผู้ใช้บริการอื่น และใช้เสร็จแล้วให้ทำความสะอาดทุกครั้ง
3) วัสดุ อุปกรณ์ที่สัมผัสผิวหนังและสารคัดหลั่งของผู้ใช้บริการ เช่น มีดโกน ถุงมือ ไม่นำมาใช้ซ้ำกับผู้ใช้บริการรายอื่น และทิ้งของมีคมที่ใช้แล้วในภาชนะที่ปลอดภัยและแยกไว้เป็นการเฉพาะ เพื่อนำไปรวบรวมและส่งกำจัดอย่างถูกต้อง
1.3 ด้านสถานที่
1) ทำความสะอาดสถานที่ภายในร้านเป็นประจำทุกวันก่อนและหลังให้บริการ ได้แก่ พื้น ผนัง ประตู และจุดอื่นๆ
2) ทำความสะอาดสิ่งของและเครื่องใช้ เช่น จุดชำระค่าบริการ เก้าอี้ตัดผม เตียงสระผม ที่นั่งรอรับบริการ ชั้นใส่วัสดุอุปกรณ์ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยงที่ใช้ร่วมกัน ควรเพิ่มความถี่ทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง และหลังให้บริการลูกค้าแต่ละคน ด้วยน้ำยาทำความสะอาด และสารฆ่าเชื้อโรค เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 0.1% หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน
3) จัดระยะห่างเก้าอี้ให้บริการ ให้มีระยะห่างกัน 1-2 เมตร และให้มีจำนวนเก้าอี้ที่ให้บริการไม่เกิน 4 ที่นั่ง หรือตามความเหมาะสมของพื้นที่ในร้านที่สามารถจัดระยะห่างได้ไม่น้อยกว่า 1-2 เมตร และมีแผ่นพลาสติก หรือแผ่นอะคริลิกใสกั้นระหว่างเก้าอี้ที่ให้บริการ
4) จัดให้มีการระบายอากาศที่ดีภายในร้าน และทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศภายในร้านอย่างสม่ำเสมอ
5) จัดให้มีภาชนะรองรับขยะที่สะอาด สภาพดี มีฝาปิด โดยคัดแยกขยะอันตราย เช่น กระป๋องสเปรย์ ออกจากขยะทั่วไป และแยกภาชนะสำหรับทิ้งของมีคมที่ใช้แล้วเป็นการเฉพาะ เก็บรวบรวมโดยมัดปากถุงให้แน่น และนำไปทิ้งในจุดรวบรวมขยะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเตรียมไว้ เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกต้อง
6) กรณีเป็นร้านที่มีห้องส้วมให้บริการลูกค้า ต้องทำความสะอาดห้องส้วมเป็นประจำทุกวันหรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดมากขึ้น ด้วยน้ำยาทำความสะอาดและอาจฆ่าเชื้อโรคด้วยสารฆ่าเชื้อโรคบริเวณจุดเสี่ยง ได้แก่ กลอนหรือลูกบิดประตู ก๊อกน้ำอ่างล้างมือ ที่รองนั่งโถส้วม ที่กดโถส้วมหรือโถปัสสาวะ สายฉีดน้ำชำระ และพื้นห้องส้วม
2. คำแนะนำสำหรับผู้ปฏิบัติงาน
2.1 สังเกตอาการตนเองสม่ำเสมอ หากมีไข้ หรือมีอาการป่วยทางระบบหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ให้หยุดปฏิบัติงาน และให้พบแพทย์ทันที
2.2 ช่างตัดผม ผู้ปฏิบัติงาน ต้องสวมใส่อุปกรณ์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค ได้แก่ หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย แผ่นใสครอบหน้า (Face Shield) ถุงมือยางขณะสระผม และให้มีผ้ากันเปื้อนที่สะอาดทุกครั้งที่ให้บริการ และสวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในร้าน
2.3 ขอความร่วมมืองดการพูดคุยเกินความจำเป็นกับลูกค้าขณะให้บริการ
2.4 ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และดูแลรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือด้วยแอลกอฮอล์เจล ก่อนและหลังจากให้บริการลูกค้าทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น
2.5 หากพบว่าผู้ปฏิบัติงานในร้าน เป็นผู้ป่วยยืนยัน หรือมีข้อมูลบ่งชี้ว่าร้านอาจเป็นจุดแพร่เชื้อได้ ให้เจ้าของร้านดำเนินการตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เช่น พิจารณาหยุดให้บริการ เป็นเวลา 3 วัน ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทันที ภายใน 24 ชั่วโมง ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
3. คำแนะนำสำหรับลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการ
3.1 ควรใช้บริการเท่าที่จำเป็น และสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่อไปใช้บริการ ถ้าหากหน้ากากอนามัยเปียกหรือชื้น ให้ทำการเปลี่ยนทุกครั้ง
3.2 หากพบว่าตนเองมีไข้ และอาการทางระบบหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ต้องไม่ไปใช้บริการและไปพบแพทย์ทันที หรือกรณีกลับจากพื้นที่เสี่ยงและอยู่ในช่วงกักกันหรือมีคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคโควิด-19 ต้องไม่ไปใช้บริการ หรือกรณีภายหลังการใช้บริการในช่วง 14 วัน พบว่าตนเองมีอาการเข้าข่ายสงสัยติดเชื้อโรคโควิด-19 ต้องแจ้งเจ้าของร้านเสริมสวยหรือแต่งผมที่ไปใช้บริการ ทราบทันที
3.3 หลังจากใช้บริการเสร็จ ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ก่อนหยิบจับของใช้ส่วนตัว และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งเมื่อกลับถึงบ้าน