ทุกอาชีพมีกฎเกณฑ์และมาตรฐานแต่ละอาชีพแตกต่างกันไป เรามาเรียนรู้ ‘มาตรฐานอาชีพธุรกิจเสริมสวย อาชีพช่างผมสตรีและช่างผมบุรุษ’ จาก อาจารย์ดุสิตา ศุภผลา Guest Contributors และนักเขียนประจำคอลัมน์ Pro.Skills นิตยสาร Hairworld Plus เพราะเพียงแค่ฝีมือ ทักษะและความชำนาญไม่พอที่จะต่อสู้เพื่อความยั่งยืนในอาชีพได้ ต้องทำงานอย่างมีมาตรฐานด้วย
ปัจจุบันเราจะได้ยินคำว่า ‘มาตรฐานอาชีพ’ ทุกอาชีพมีกฎ มีเกณฑ์ มีมาตรฐานแต่ละอาชีพแตกต่างกันไป ซึ่งต่างประเทศให้ความสำคัญมาก มาตรฐานอาชีพธุรกิจเสริมสวยก็เช่นเดียวกัน มีรายละเอียดในแต่ละงานที่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจกันอย่างละเอียด ซึ่งในโอกาสต่อไปจะนำมาเล่าและบอกกล่าวกันแบบงานต่องาน ซึ่งอาจจะดูเป็นทางการและเครียดไปหน่อย ปัจจุบันการแข่งขันสูง เพียงแค่ฝีมือ ทักษะและความชำนาญไม่พอที่จะต่อสู้เพื่อความยั่งยืนในอาชีพได้
จากช่างผมธรรมดาคนหนึ่ง ทำงานในซาลอนมา 30 ปี จนวันหนึ่งได้มีโอกาสเป็น Expert หรือผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทยซึ่งกระทรวงแรงงานส่งไปทำหน้าที่ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ จึงได้ทราบว่าการทำงานของช่างผมในต่างประเทศนอกจากฝีมือและผลงานสำเร็จแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของงานบริการที่เราไม่ควรมองข้าม และช่างผมทุกคนควรให้ความสำคัญควบคู่กันไปมี 5 ข้อที่พอสรุปได้ ซึ่งแต่ก่อนเรามองแค่ผลงานสำเร็จเท่านั้น
- Communication and Client Care คือ การดูแลและสื่อสารกับลูกค้า การให้บริการในทุกขั้นตอนต้องใส่ใจดูแลด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ทะนุถนอมนุ่มนวล ทำอย่างเบามือ และต้องดูเป็นมืออาชีพ (Professional) ภาษาที่ใช้ต้องสุภาพ รวมถึงภาษากาย และได้ข้อสรุปที่ตรงกันถึงความต้องการของลูกค้า ขณะที่พื้นที่ทำงาน บรรยากาศในร้าน ลูกค้าต้องรู้สึกสบายไม่อึดอัด และสะอาด หากมีการใช้ Styling Product เช่น สเปรย์ฝุ่น แว็กซ์ เจล ต้องไม่มากเกินไป ขณะใช้ต้องมีหน้ากากกันสเปรย์เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า
- Health and Safety คือ การใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัย นั่นหมายรวมถึงตัวช่างและลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น ในมาตรฐานการทำงานของช่างต้องรู้จักใช้อุปกรณ์ Safety ที่จำเป็นต่างๆ เช่น ในงานเคมี ทำสี ดัด ยืด ตัวช่างจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย สวมถุงมือขณะสัมผัสเคมี ใส่เอี๊ยมกันเปื้อน รวมถึงรองเท้าที่สวมใส่ขณะทำงาน ตามมาตรฐานกำหนดชัดเจนว่าต้องเป็นรองเท้าหุ้มส้น ปิดนิ้วเท้ามิดชิด และส้นรองเท้าต้องไม่สูงเกิน 2 นิ้ว เพราะงานช่างตัดผมต้องทำงานกับของมีคม เกิดพลาดพลั้งหล่นลงเท้าจะได้ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ ต้องกวาดเศษผมทิ้งทันทีหลังตัดซอยผมเสร็จ เพื่อป้องกันการลื่นไถล หรือเศษผมปลิว ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อโพรงจมูก ส่วนกรณีน้ำหก พื้นเปียก หรือเคมีหยดลงพื้น ต้องทำความสะอาดทันที
มาตรการความสะอาด ความปลอดภัยต่างๆ สำหรับลูกค้าต้องเป็นอันดับหนึ่ง ผ้าคุมกันเปื้อน ผ้าขนหนูเช็ดผมสำหรับลูกค้าต้องสะอาด การทำเคมีต่างๆ ต้องมั่นใจว่าถูกต้องและปลอดภัยตามคำบ่งชี้ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีการป้องกันการเปื้อนอย่างมีประสิทธิภาพ กลิ่นต้องไม่ฉุนรุนแรง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเท่านั้น
- Work Organization and Management คือ การเตรียมและการจัดการการทำงานไม่ให้เวลาสูญเปล่า ช่างผมมืออาชีพต้องทำงานแบบ One Man Show ได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ช่วย เช่น ขณะทำงานเคมี ทำสี ดัดหรือยืด ระหว่างรอเวลาให้เคมีทำงาน ใช้เวลาขณะนั้นตกแต่งพื้นที่ทำงานให้สะอาด จัดเตรียมอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ลำดับต่อไปให้พร้อมใช้งานได้ทันที เก็บล้างภาชนะผสมสีหรือทำเคมีและจัดเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยเพื่อการทำงานแบบมืออาชีพ การจัดเตรียมอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องง่ายต่อการใช้งาน เป็นต้น
- Sustainability คือ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้วัสดุและผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เช่น การผสมสี ต้องชั่ง ตวงและวัดตามอัตราส่วนที่กำหนด ผสมเท่าที่ใช้ ไม่ควรเหลือทิ้งมากกว่า 10 กรัม การทิ้งและการล้างเคมีต่างๆ ควรมีถังขยะแยกต่างหาก ต้องรู้จักการแยกขยะ ทั้งขยะเปียก ขยะรีไซเคิล และขยะมีพิษ การทำความสะอาดภาชนะผสมเคมีต่างๆ ต้องเช็ดด้วยกระดาษก่อนให้แน่ใจว่าไม่มีเคมีหลงเหลืออยู่ก่อนที่จะล้างเพื่อป้องกันเคมีปะปนในระบบน้ำเสีย เรื่องนี้ต่างประเทศถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน การใช้น้ำ ใช้ไฟฟ้า และวัสดุสิ้นเปลือง เช่น กระดาษฟอยล์สำหรับทำไฮไลท์ ต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
- Preparing, Applying and Processing Products คือ การเตรียม วิธีการใช้ และขบวนการ ขั้นตอนการทำงานของผลิตภัณฑ์ อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า การชั่ง ตวงและวัดตามอัตราส่วนที่กำหนดกับปริมาณที่จะใช้จะต้องถูกต้อง ทั้งนี้ วิธีการใช้และขั้นตอนการทำก็ต้องถูกต้องเช่นกัน เพื่อผลลัพท์ที่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะโยงใยไปถึงเรื่อง Health & Safety ด้วย เช่น การฟอกสีผม ไม่ควรละเลงครีมฟอกถึงหนังศีรษะ เพราะครีมจะกัดหนังศีรษะจนอักเสบได้ การลงเคมีแต่ละตัวต้องรู้จริง เพราะข้างกล่องเขียนไว้ชัดเจนว่า Professional Use Only ถ้าไม่ศึกษาวิธีการใช้อย่างถูกวิธีจะส่งผลเสียต่อผลงานสำเร็จ รวมถึงความพึงพอใจและความปลอดภัยของลูกค้าด้วยเช่นกัน
ทั้ง 5 ข้อนี้ ช่างผมทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญก่อนลงมือทำ เพราะนอกจากเราจะ Save เงินในกระเป๋าจากการลดต้นทุนด้วยการใช้วัสดุอุปกรณ์และทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่าแล้ว เรายัง Save โลกได้อีกด้วย ลูกค้าก็จะเกิดความปลอดภัยและกลับมาใช้บริการกันอีก ตัวช่างก็ปลอดภัยและยืดอายุการทำงานให้ยาวนานมากขึ้นจากการป้องกันสารพิษจากเคมีที่เราสัมผัสทุกๆ วัน ไว้โอกาสต่อไปจะเล่าเรื่องมาตรฐานการทำงานในแต่ละงาน ตั้งแต่งานสระจนถึงงานออกแบบทรงผมให้เท่าทันโลก