เส้นทางสายอาชีพบางอย่างหากมองเพียงผิวเผินแล้วดูเหมือนจะเป็นทางคู่ขนานที่ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้ อย่างเช่นการเป็นช่างทำผม กับการเป็นนักร้องเพลงฮิปฮอป ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สามารถทำทั้งสองอาชีพนี้ควบคู่กันไปได้อย่างลงตัว และทำได้ดีอีกด้วย นั่นก็คือ คุณยู – อนุสรณ์ แสนรัก หรือ Urius The Rapper ที่มีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ The Rapper รายการประกวดเพลงแร็ปยอดนิยมทางช่อง Workpoint TV นอกจากลีลาการแร็ปที่ดุดันแล้ว สไตล์การแต่งตัวของเขาก็เท่และมีสีสันไม่เป็นรองใคร นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของร้านทำผม 21-AK Haircuts ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในกลุ่มนักร้องนักดนตรีแนวฮิปฮอป รวมถึงบรรดาวัยรุ่น ด้วยฝีมือการตัดและดีไซน์ทรงผมที่โดดเด่นและล้ำสมัย รวมไปถึงสไตล์การตกแต่งร้านแบบเท่ๆ ฮิปๆ ถูกใจชาวแร็ปเป็นอย่างมาก Hairworld Plus+ จึงไม่พลาดที่จะพาไปรู้จักตัวตนและไลฟ์สไตล์มันส์ๆ ของหนุ่มฮอตคนนี้
ชีวิตในวัยเด็ก กับการค้นหาตนเอง
สมัยยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยม ช่วงประมาณปี ค.ศ.2000 ต้นๆ ผมจะสนใจพวกเพลงและแฟชั่นแนวฮิปฮอปมาก ต่อมาก็เริ่มลองทำเพลงเอง แต่ตอนนั้นยังเด็กอยู่ผลงานที่ออกมาก็เลยไม่เป็นที่รู้จักหรือได้รับการยอมรับมากนัก แต่การได้ทดลองทำเพลงเองมันก็มีข้อดีคือทำให้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร จากนั้นผมได้ตั้งวงดนตรีแนวเร็กเก้กับเพื่อนชื่อวง “ไทเดินเล่น” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดนตรีแนวนี้กำลังบูมอยู่พอดี โดยผมทำหน้าที่เป็นแร็ปเปอร์ในวง แต่ต่อมาเพื่อนๆ ในวงก็แยกย้ายกันไป ทำให้ผมเริ่มเบื่อวงการดนตรี แต่ก็ยังคงทำเพลงคนเดียวอยู่
เริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการก้าวเข้าสู่วงการผม
ผมเริ่มเรียนรู้เรื่องการทำผมเมื่อประมาณ 7-8 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ยังทำวงดนตรีกับเพื่อนๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนสมาธิสั้น เลยอยากลองหาอะไรใหม่ๆ ทำเพื่อฝึกสมาธิของตัวเอง แล้วพอดีชอบเรื่องการทำผมอยู่ก่อนแล้วก็เลยลองฝึกทำผมกับเพื่อนๆ ช่วงแรกเน้นทำผมทรงฮิปฮอปที่เราชอบก่อน ตั้งแต่การตัดสกินเฮด การถักเดรดล็อค ไปจนถึงการดัดฟรอย จนมาถึงจุดหนึ่งก็เริ่มขยับไปทำทรงที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มารู้ตัวอีกทีปรากฏว่าเข้ามาในวงการผมแบบจริงจังแล้ว และได้เปิดร้านตัดผมของตัวเองในที่สุด
จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้หันมายึดอาชีพช่างผมแบบจริงจัง
ผมเป็นทั้งนักร้องฮิปฮอปและช่างผมควบคู่กันมาตลอด แต่เพิ่งจะหันมาทำอาชีพช่างผมแบบเต็มตัวตอนที่เปิดร้าน 21-AK นี่เองครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยทำรายการของตัวเองชื่อ Urius Free Cut คือเวลาผมไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนก็จะไปตัดผมให้ฟรีที่นั่น ตอนนั้นเราก็ไม่ได้มีฝีมือมากมายอะไร อาศัยเรียนรู้ด้วยตัวเองแบบงูๆ ปลาๆ กับเพื่อนๆ แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตคือช่วงที่วงดนตรีของผมแยกตัวกันไป ทำให้ผมรู้สึกเบื่อวงการดนตรีไปพักใหญ่ เลยหันมายึดอาชีพช่างทำผมแบบจริงจังมาได้ 2-3 ปีแล้วครับ
ที่มาของชื่อร้าน 21-AK
ชื่อร้าน 21-AK ตั้งมาจากชื่อและนามสกุลของผม ตัวเลข 21 มาจาก “ยู” ซึ่งเป็นชื่อเล่น และในภาษาอังกฤษ U เป็นอักษรตัวที่ 21 ส่วน A มาจากอักษรตัวแรกของชื่อจริง และ K มาจากอักษรตัวสุดท้ายของนามสกุล ผมชอบชื่อนี้เพราะมันมีความเป็นตัวเราจริงๆ และอีกเหตุผลคือไม่อยากใช้ชื่อร้านว่า Urius ที่เป็นชื่อในวงการเพลง เพราะร้านนี้เราต้องทำงานร่วมกับคนอื่นอีกหลายคน ชื่อ 21-AK มันดูมีความเป็นองค์กรมากกว่า ผมใช้ชื่อนี้ทั้งในการทำแบรนด์เสื้อผ้าและร้านทำผม ซึ่งตอนนี้ก็ยังทำแบรนด์เสื้อผ้าอยู่ด้วย ก็อยู่ในร้านนี้แหละครับ
แรงบันดาลใจในการแต่งร้านสไตล์ฮิปฮอป
ร้านนี้ตกแต่งด้วยโทนสีชมพู ใช้ไฟนีออน และเพ้นท์ภาพกราฟิตี้ไว้บนกำแพง สาเหตุเลือกแต่งแบบนี้เหรอครับ จริงๆ ผมเป็นคนชอบของที่เป็นสีชมพูนะ ส่วนลวดลายที่วาดบนพนังร้านก็เริ่มมาจากตอนเปิดร้านสาขาแรกที่ JJ Green ตอนนั้นแต่งร้านด้วยการเขียนพนังเล่น เขียนเป็นชื่อเพลงของตัวเองหมดเลย แต่พอร้านแรกนี้ปิดไปก็เลยย้ายมาอยู่ที่ตลาดนัดรถไฟ รัชดาฯ ที่นี่จะไม่มีชื่อเพลงแล้ว แต่ก็วาดเหมือนเดิมนั่นแหละ เปลี่ยนจากชื่อเพลงเป็นวาดลวดลายคำว่า Haircuts ให้ทุกอย่างพุ่งเป้ามาที่การตัดผมมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เรื่องการแต่งร้านเกิดจากการสนอง Need ของตัวเองล้วนๆ เลย แต่พอทำร้านให้เป็น Business มากขึ้น ก็เลยเน้นเขียนแค่คำว่า 21-AK Haircuts แต่ก็คงความมันส์ไว้เหมือนเดิม
สไตล์การตัดผมของร้าน 21-AK
เน้นแฟชั่นแบบจ๋าๆ หนักๆ เลยครับ พวกถักเปีย ถักเดรดร็อค แต่ทรงพื้นฐานอย่างรองทรง สกินเฮด อันเดอร์คัท ก็ทำได้หมดครับ แต่ว่าพักหลังผมไม่ค่อยได้ทำแล้ว จะเน้นพวกงานที่เป็นดีไซน์เพราะเป็นแฮร์สไตลิสต์ให้กับศิลปินดาราอย่างเดียวแล้ว งานลูกค้าก็จะให้เด็กที่ร้านทำ
ลูกค้าที่มาร้านนี้ส่วนใหญ่เป็นแนวไหน
ร้านเราก็เป็นร้านตัดผมทำผมทั่วไปก็ต้องรับลูกค้าหลากหลายนั่นแหละครับ ถ้าจะรอรับเฉพาะพวกแร็ปเปอร์อย่างเดียวก็คงอยู่ไม่ได้ คืออย่างที่บอกไปร้านเราก็ตัดได้ทุกทรง ส่วนภาพลักษณ์ของร้านที่ออกไปมันคือการขายแฟชั่นเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของร้านเท่านั้นเอง แต่ลูกค้าในแต่ละวันเราก็อาจจะไม่ได้รับเยอะมาก เพราะว่าลูกค้าหนึ่งคนเราใช้เวลาทำนาน อย่างจะถักเดรดร็อควันหนึ่งก็ได้แค่คนเดียวเท่านั้นเอง
กว่าจะประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ ผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง
อุปสรรคในการทำธุรกิจผมว่ามันก็ต้องเจอกันทุกคนนะครับ ในส่วนตัวผมเองก็เจออุปสรรคตั้งแต่เริ่มทำร้านแล้ว เพราะตอนนั้นยังไม่มีชื่อเสียงมากขนาดนี้ แต่การที่ผมเคยทำวงดนตรีมาก่อนก็เลยเป็นที่รู้จักในวงการระดับหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้เริ่มต้นด้วยการนับหนึ่งนับสอง เราเริ่มทำร้านแล้วนับห้านับหกเลย แต่ก็มีอุปสรรคเกิดขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนี้ก็ต้องมีอีกแน่นอน ซึ่งการทำธุรกิจต้องมีการพัฒนาและปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลาจึงจะอยู่ได้ครับ
ระหว่างการเป็นช่างทำผมกับแร็ปเปอร์ ชอบอะไรมากกว่ากัน
จริงๆ มันก็คนละแบบเลยนะ คือจุดที่ทำให้เราชอบการทำผมมันเริ่มจากการที่เราเป็นคนสมาธิสั้น อยู่กับอะไรนานๆ หรือทำอะไรต่อเนื่องนานๆ ไม่ได้ แต่พอได้มาทำผมก็ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นการฝึกสมาธิให้เรา ฝึกให้เราอยู่กับอะไรบางอย่างได้นานขึ้น ส่วนเรื่องการร้องเพลงก็เป็นอีกอย่างที่เราชอบ และทั้งสองอย่างนี้ก็ถือเป็นอาชีพหลักเหมือนกัน แต่มันก็คนละส่วนกัน เลยตอบไม่ได้ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน
แบ่งเวลาอย่างไรเพื่อทำสิ่งที่รักควบคู่กันไปทั้งสองอย่าง
จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ทำอะไรสองอย่างพร้อมกันไม่ได้เลยนะ แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำแค่สองอย่างนี้ด้วย ทำเยอะมาก แต่โชคดีที่ผมมีแฟนมาช่วยดูแลเรื่องของธุรกิจให้ ส่วนตัวผมก็จะทำงานไป หลักๆ ผมก็จะแบ่งเป็นวันไป อย่างวันนี้คือเพลงนะ ผมก็จะทำแค่เพลงอย่างเดียว อย่างอื่นผมทำไม่ได้ วันนี้ซ้อมบทละครนะ ผมก็ทำแค่อย่างเดียว วันนี้มีลูกค้าที่เป็นศิลปินนัดมาทำผมนะ ผมก็จะทำผมแค่อย่างเดียว
หลังจากไปแข่งในรายการ The Rapper มีผลทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วยไหม
แน่นอนครับลูกค้าเพิ่มขึ้นเยอะมาก หลังจากจบรายการไปร้านนี้ก็ดังไปด้วยเลยครับ มันดังเพราะว่าผมทำ Reality กับ 21-AK Haircuts ด้วยแหละครับ เพราะทุกคลิปทุกเอ็มวีที่ผมปล่อยออกไปผมก็จะแฝงร้านแฝงสปอนเซอร์ตัวเองลงไปด้วย ซึ่งก็คือ 21-AK นี่แหละ ถ้าย้อนกลับไปดูก็จะสังเกตเห็น จนมีศิลปินหลายคนก็ทักว่าพี่ยูแจกสปอนเซอร์ด้วยเหรอ คือจริงๆ เราแค่สนับสนุนตัวเองเพื่อเป็นการขายแบบแอบๆ แฝงๆ คือขายของตัวเองเท่านั้นเอง แต่ลูกค้าเยอะขึ้นมากครับ จากหลายๆ อย่าง ทั้งแรงโปรโมทและแรงผลักดันเลยครับ
ให้นิยามตัวเองอย่างไร
ผมเป็นคนชอบอะไรที่สนุกๆ คาแร็คเตอร์ก็เลยออกมามันส์ๆ แบบที่เห็น แต่ก่อนหน้านี้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วผมก็ไม่ได้รักสนุกขนาดนี้ แต่จะติดเนี้ยบ ติดหล่อ คาแร็คเตอร์ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง พอตอนนี้กล้าคิดกล้าทำมากขึ้น รู้สึกสนุกกับการใช้ชีวิต สนุกกับการแต่งตัว ทุกอย่างมันเลยเกิดขึ้นเป็นสไตล์อย่างที่เห็น เรื่องสไตล์นี่ใครจะเป็นอะไรก็ได้นะผมว่า เพราะมันเป็นเรื่องเสรี ขอให้ทำแล้วสบายใจและเป็นตัวของตัวเองเท่านั้นก็พอ ตัวผมเองในอนาคตก็อาจจะเปลี่ยนสไตล์ไปอีกก็ได้ ส่วนใครอยากจะเป็นแบบผมก็ได้เหมือนกัน
การใช้ชีวิตในแบบของ “ยู Urius”
หลายคนอาจจะมองผมว่าเป็นคนดาร์กๆ แต่จริงๆ แล้วบุหรี่ผมยังไม่สูบเลยนะ แล้วก็ไม่ค่อยไปปาร์ตี้ด้วย ส่วนใหญ่ผมก็จะใช้ชีวิตแบบตื่นนอนมาก็กินข้าว กินกาแฟ ฟังเพลง และถ้าวันไหนมีงานอะไรก็ทำไป อย่างเช่นทำผมหรือทบทวนบทละคร
นอกจากเรื่องเพลงแล้วมีอะไรที่สนใจอีกบ้าง
ตอนนี้กำลังศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการแสดงครับ เพราะว่ามีโอกาสได้เล่นซิทคอมของ Workpoint ชื่อเรื่อง “บางกอก ลืมบอกแม่” คือทุกคนเขาเป็นนักแสดงจริงๆ กันหมด แล้วเราเป็นศิลปินคนเดียวไปเล่นอะไรแบบนี้ก็กังวลว่าเราจะเล่นได้มั้ย เลยอยากเรียนการแสดงเพิ่มเติมครับ
สไตล์การแต่งตัวที่ชอบและที่ใช่ ของ “ยู Urius”
สไตล์การแต่งตัวของผมก็จะเป็นแบบที่ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเลยครับ ทุกวันนี้เวลาแต่งตัวหรือซื้อเสื้อผ้าก็จะไม่ได้คิดว่าซื้อไว้ใส่เดินเล่น ถ่ายแบบ หรืออะไรทั้งนั้นครับ คิดเลยว่าซื้อเพื่อขึ้นไปบนเวทีไปร้องเพลงเท่านั้น เวลาเลือกซื้อเสื้อผ้าแต่ละชิ้นก็จะเหมือนคนบ้านิดนึง ถ้าอยู่หน้ากระจกจะคิดว่าอยู่บนเวทีแบบนั้นเลย เวลาผมแต่งตัวออกจากบ้านนี่ก็คือผมสามารถไปขึ้นเวทีได้หมดเลยครับ
คนที่เป็นไอดอลในเรื่องแฟชั่น
แล้วแต่ว่าช่วงนี้เราอยู่ในอารมณ์แบบไหน การแต่งตัวของผมจะมีอิทธิพลจากการฟังเพลงด้วย บางช่วงผมก็อาจจะอินกับวิซ คาลิฟา (Wiz Khalifa แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน) หรือบางช่วงก็จะชอบ Machine Gun Kelly (แร็ปเปอร์หนุ่มรุ่นใหม่ชาวอเมริกัน) รู้สึกว่าเท่ เป็นสายแร็ปเปอร์แบบดุ ค่อนข้างจะเป็นร็อคเลย ถ้าวันนั้นฟังเพลงแบบไหนก็จะมีผลกับการแต่งตัวของผมมาก
เครื่องประดับประจำตัวที่ขาดไม่ได้
สร้อยคอกับนาฬิกาครับ สร้อยคอจะเป็นสร้อยคอหลุยส์วิตตองที่นำมาทำเอง เริ่มจากมันเป็นพวงกุญแจที่มีรูปร่างเป็นแบบแม่กุญแจ แล้วเราก็ถอดออกมาทำเป็นสร้อย ใส่ทุกวันจนคนถามว่าหลุยส์มีแบบนี้ด้วยเหรอ (หัวเราะ) เราก็บอกเปล่าๆ ต้องไปซื้อหลุยส์รุ่นนี้ๆ นะ ต้องเอามาถอดแล้วใส่สร้อย ประมาณนั้นครับ ก็สนุกดี มันเป็นการทำใส่เองที่มันไม่มีขายครับ
ของสะสมชิ้นโปรด
คือผมไม่ค่อยยึดติดกับวัตถุเท่าไหร่นะ แต่ถ้าของที่สะสมจริงๆ ก็คงเป็นบัตร Artist ครับ กระดาษสี่เหลี่ยมๆ นี่แหละ เก็บมา 14 ปีแล้วตั้งแต่คอนเสิร์ตแรกถึงคอนเสิร์ตล่าสุด ที่บ้านก็คือมีเป็นพวงเลย เป็นศาลพระภูมิเลยครับ (หัวเราะ) ผมชอบเก็บบัตรนี้เพราะทุกครั้งที่ย้อนกลับไปมองมันเราก็จะรู้สึกหรือนึกถึงว่าเกิดอะไรขี้นบ้างในงานนั้น
เวลาว่างชอบไปเที่ยวที่ไหน
ผมจะเป็นผู้ชายประเภทน่าเบื่อหน่อย ปีหนึ่งจะเจอผมไปอยู่ในผับน่าจะไม่เกิน 10 ครั้ง ถ้าไม่มีงานนะครับ Activity ของผมมันก็จะจำเจครับ คือ กินข้าว ดูหนัง เข้าร้านกาแฟ แต่ร้านกาแฟน่าจะเปลี่ยนบ่อยหน่อย
วางแผนอนาคตของตัวเองและร้าน 21-AK ไว้อย่างไรบ้าง
เรื่องของงานเพลงก็ตั้งใจว่าจะทำเพลงและทำเอ็มวีให้มากขึ้น แต่ก็จะใส่ใจคุณภาพให้มากด้วย ตอนนี้ผมรู้สึกว่างานของตัวเองเริ่มมีศิลปะมากขึ้น พวก Business จะเริ่มหายไปเพราะเราไม่ได้ทำเพลงเพื่อจะขายแล้วอยู่รอด แต่กลายเป็นทำเพราะเราชอบ ตอนนี้เรามีรายได้จากหลายทางทำให้เราใจเย็นเรื่องเพลง อยากทำผลงานที่มีคุณภาพ สำหรับร้าน 21-AK ก็วางแผนว่าจะเปิดสาขาให้เยอะขึ้น ตอนนี้พยายามสร้างบุคลากรให้แข็งแรงขึ้น อีกอย่างตอนนี้งานด้านอื่นๆ ของผมก็เริ่มเยอะขึ้นด้วย ซึ่งก็จะพยายามพัฒนาทั้งเรื่องงานและเรื่องร้านคู่กันไปครับ
ฝากร้านและผลงานต่างๆ
ขอฝากผลงานเพลงก่อนนะครับ ตอนนี้มีเพลงใหม่ของตัวเอง รวมถึงเพลงที่ผมได้ไปฟีจเจอริ่งกับศิลปินอีกหลายคน แต่ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน นอกจากนี้ก็ขอฝากผลงานซิทคอมเรื่อง “บางกอก ลืมบอกแม่” ซึ่งเล่นเป็นช่างทำผมที่มีความฝันอยากเป็นแร็ปเปอร์ หรือใครที่อยากติดตามผลงานของผมโดยตรงก็เข้าไปดูได้ทั้งทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม (IG) ครับ หรือไม่ก็เข้าไปกด Subscribe ใน Channel : U-rius Official อันนี้จบเลย รู้เลยว่าผมทำอะไรบ้าง ส่วนร้าน 21-AK Haircuts ก็มีทั้งเพจและ IG ให้ติดตามกันครับ
เริ่มต้นจากการค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วลงมือทำอย่างตั้งใจ บวกกับการพัฒนาตนเองและเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ โดยไม่กลัวความผิดพลาดหรืออุปสรรคใดๆ นอกจากจะทำให้เราได้ค้นพบความสามารถของตัวเองที่ซ่อนอยู่แล้ว ยังนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพได้อีกด้วย ซึ่งคุณยู – อนุสรณ์ แสนรัก เจ้าของร้าน 21-AK Haircuts ถือเป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตที่มีความท้าทาย มีสีสัน และเต็มไปด้วยความสุขในทั้งสองเส้นทางอาชีพที่เลือกเดิน