เป็นข่าวที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยสำหรับ วันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ ที่มีการเลื่อนมาจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทางด้านศบค. หรือศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้แถลงถึงเรื่องของการชดเชยวันหยุดเอาไว้ว่า ต้องรอดูผลของการผ่อนคลายมาตรการในระยะ 3 และระย 4 ซึ่งหากในเดือนมิถุนายนผ่านไปได้ด้วยดี อาจได้หยุดชดเชยสงกรานต์ในเดือนกรกฎาคมก็เป็นได้
ล่าสุดวันนี้ (23 มิ.ย.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม. มีมติให้หยุดชดเชยในช่วงวันสำคัญทางศาสนายาว 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-7 ก.ค. ตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ ได้เสนอเนื่องจากวันที่ 4 ก.ค. ตรงกับวันอาสาฬหบูชา วันที่ 5 ก.ค. ตรงกับวันเข้าพรรษา จึงให้มีวันหยุดชดเชยทั้ง 2 วันสำคัญ รวมเป็นหยุดต่อเนื่อง 4 วัน โดยกำหนดวันหยุดชดเชยดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ครม. ได้มีมติอนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว และไม่เกี่ยวข้องกับวันหยุดชดเชยช่วงเทศกาลสงกรานต์แต่อย่างใด
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้กล่าวถึงแนวคิดการพิจารณาวันหยุดชดเชยสงกรานต์ ในช่วงเดือนก.ค. ให้หยุดติดต่อกัน 8 วัน นั้น เป็นข่าวที่สร้างความสับสนให้กับประชาชน ไม่มีรัฐบาลที่ไหนทำให้หยุดติดต่อกันถึง 8 วัน เพราะเรื่องวันหยุดนั้นสำคัญมาก ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะปกติวันหยุดสงกรานต์มีเพียง 3 วัน โดยสั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าจะให้แทรกวันหยุดได้ช่วงไหน อาจต้องแบ่งเป็น 3 ช่วง เช่น หยุดเสาร์-อาทิตย์ อาจจะต้องเติมให้หยุดวันจันทร์เพิ่มอีก 1 วัน ทั้งนี้การหยุดราชการนานหลายวันไม่ใช่สิ่งที่ดี ประชาชนส่วนใหญ่อาจชอบ แต่บางส่วนอาจไม่ชอบ เพราะทำให้การติดต่อราชการมีปัญหา
นอกจากนี้ยังต้องรอดูผลประเมินโควิด-19 และพิจารณาโครงการฟื้นฟูต่างๆ เพื่อเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวภายในประเทศ ในเมื่อเดือน ก.ค. มีวันหยุดอยู่แล้วก็ใช้ตามปกติ วันหยุดชดเชยสงกรานต์ค่อยพิจารณาเพิ่มเติมในเดือนอื่น
ถึงแม้ว่าช่วงวันหยุดชดเชยที่ถูกประกาศออกมาล่าสุดนั้น จะยังไม่ใช่วันหยุดสงกรานต์ ที่เรารอคอย แต่อย่างน้อยก็ถือได้ว่าเป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งแน่นอนว่าช่วงหยุดยาวหลายคนอาจมีแพลนเดินทางไปเที่ยว ไปพักผ่อน หรือทำกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลาย แต่สิ่งสำคัญเลยคือ ห้ามประมาท การ์ดอย่าตก จะทำอะไรต้องนึกถึงความปลอดภัยของตัวเราเอง คนรอบข้าง และสังคมอยู่เสมอ
ขอบคุณภาพจาก : brighttv, spm.thaigov