Cruset แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามของเส้นผมและผิวพรรณ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 50 ปี ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จวบจนถึงยุคปัจจุบันที่ธุรกิจเติบโตอย่างงดงามภายใต้การดูแลของทายาทนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง คุณนที จรัสสุริยงค์ ผู้ดำรงตำแหน่ง Assistant Marketing Director บริษัท ไทย-มีโก้ จำกัด ที่บริหารงานภายใต้แนวคิดของการพัฒนาธุรกิจแบบ Step by Step เพื่อความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนของธุรกิจ
คุณนที จรัสสุริยงค์ เรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมนาโน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นเข้าทำงานที่ SCG Chemical ในตำแหน่ง New Business Development เป็นเวลา 3 ปี และเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ในมหาวิทยาลัยชื่อว่า Babson College บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งสาเหตุที่เลือกมหาวิทยาลัยนี้ เพราะคุณนทีมีความมุ่งหวังว่าจะเปิด Startup ของตัวเอง และช่วยธุรกิจของครอบครัว และ Babson College ถือเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งที่โดดเด่นด้านการสร้างผู้ประกอบการ และให้ความรู้เรื่อง Family Business ได้เป็นอย่างดี
ครั้งแรกกับการดูแลธุรกิจของครอบครัว
แรกเริ่มที่บ้านมอบหมายให้ผมดูแลแผนกต่างๆ แผนกละ 1-2 เดือน ทั้งในส่วนของคลัง แผนกบรรจุ แผนกขนส่ง หรือบ้างก็นั่งคุม Machine ดูแลบัญชี ดูแลเอกสาร ดูแลเรื่องเงิน ดูแลในส่วนของ R&D (The Research and Development) ซึ่งถ้าไม่นับ Marketing ผมก็รู้สึกชอบในส่วนของ R&D ที่สุด และหลังจากนั้นผมก็ทำธุรกิจของครอบครัวมาตลอด 3 ปี โดยผมรับหน้าที่ดูแลด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์ Cruset, Proton และของบริษัทไทย-มีโก้ทั้งหมด ทั้งในและต่างประเทศอีก 50 ประเทศ
จุดเริ่มต้นของ Cruset
เริ่มจากอากงของผม คุณชวลิต จรัสสุริยงค์ ท่านได้อพยพมาจากเมืองจีนตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ และเริ่มต้นชีวิตในเมืองไทยด้วยอาชีพขับรถสามล้อรับจ้าง ตอนนั้นอากงทำงานหนักมาก เพราะตอนเช้าขับรถสามล้อ ส่วนตอนกลางวันสอนขับรถยนต์ พอตกเย็นก็ขับสามล้อกะดึก พอเริ่มตั้งตัวได้ ท่านก็เริ่มปล่อยเช่าสามล้อ และซื้อรถแท็กซี่มาขับ อยู่มาวันหนึ่งท่านไปรับผู้โดยสารที่เป็นอาจารย์นักเคมี ท่านก็ชวนอากงของผมไปทำแชมพู จนท่านได้ความรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวแรกเป็นแชมพูแกลลอน และนำไปเร่ขายตามร้านซาลอน ทั้งขับแท็กซี่ ผลิตและขายแชมพูด้วยตัวเอง จนแทบไม่มีเวลาพัก จนในที่สุดแชมพูก็เริ่มขายดี ท่านจึงเริ่มตระหนักถึงการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งในร้านขายเคมี ท่านเจอภาชนะทนไฟที่มีชื่อว่า Crucible ที่ใช้สำหรับหลอมทอง ท่านรู้สึกติดใจความหมายของชื่อนี้ เพราะรู้สึกเหมือนกับชีวิตของท่านที่ทั้งทน อึด สู้ และเป็นภาชนะที่โอบอุ้มทอง ซึ่งสอดคล้องกับสินค้าของแบรนด์ที่มีค่าดั่งทอง และมี Value ที่ไม่ลดน้อยลงไปตามกาลเวลา นั่นจึงกลายเป็นที่มาว่าทำไมสีหลักของแบรนด์จึงเป็นสีทอง จากนั้นแบรนด์ก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ และใช้ชื่อที่เกิดจากการผันเสียงของ Crucible ว่า Cruset เรื่อยมา
การเติบโตของแบรนด์
เราพัฒนาสินค้าโดยอ้างอิงจากเทรนด์ของโลก และร่วมประชุมกับฝ่ายขาย ซึ่งจะมีข้อมูลด้านความต้องการผู้บริโภค ถ้าสินค้าตัวไหนที่คิดว่าขายได้ ก็ลุย! แต่เรามองว่า Cruset ไม่ได้เป็นแบรนด์ที่หวือหวา เพราะทางฝั่ง R&D ซึ่งก็คือคุณลุงของผม เป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องชัวร์ สินค้าแต่ละตัวกว่าจะได้รับการผลิต จะต้องผ่านการทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก สินค้าตัวไหนไม่ดี จะไม่ได้รับการผลิตโดยเด็ดขาด เนื่องจากท่านไม่มองเรื่องเงินเป็นสำคัญ แต่มองว่าสินค้าที่ดี ต้องทำให้ซาลอน ซึ่งเป็นตลาดของเรามีชีวิตที่ดีขึ้นเป็นหลัก ซึ่งลูกค้าจะมองว่าสินค้าของ Cruset ใช้แล้วชัวร์ เป็นสินค้าที่ใช้แล้วไม่เกิดปัญหา เราใช้วิถีคนจีน คือการค่อยๆ ลงทุนไปเรื่อยๆ แบบ Step by Step โดยไม่ต้องเป็นหนี้ใคร เราค่อยๆ ขยายไปเรื่อยๆ ตามจำนวนเงินในมือ
กลยุทธ์หลักของแบรนด์ในการบุกตลาด
ลูกค้าเราคือ ร้านซาลอน และลูกค้าโดยตรงจะเป็นร้านยี่ปั๊ว หลักๆ เราจึงใช้กลยุทธ์ Pool คือการดึงลูกค้าเข้ามาร่วมกิจกรรม ซึ่งก็คือการ Workshop ตามชุมชนที่ยังไม่เคยมีแบรนด์ไหนเข้าไป ผมอยากเข้าไปให้ความรู้ ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์เรามากขึ้น เข้าใจวิธีการใช้ และทำให้ลูกค้ารู้ว่าสินค้าของเราใช้แล้วปลอดภัย หากเขารู้ว่าสินค้าดี มันก็จะกลับมาเป็นรายได้ของเรา ผนวกกับการใช้กลยุทธ์ Push ทำโปรโมชั่นกับร้านยี่ปั๊วด้วยครับ
หัวใจหลักของแบรนด์ ที่ทำให้ก้าวมาถึงวันนี้
ตอนที่ผมเข้ามาบริหารแรกๆ ผมอยากรู้ว่าลูกค้าคิดอย่างไรกับแบรนด์ของเรา จึงลองไปคุยกับยี่ปั๊วและร้านซาลอนทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีความมั่นใจในสินค้าของ Cruset ว่าใช้แล้วสบายใจ ไม่กลัวปัญหา และราคาไม่แพง สามารถทำกำไรให้กับร้านได้มากขึ้น สินค้าดี ราคาโอเค
คุณเป็นผู้บริหารสไตล์ไหน
ผมเคยเข้าคอร์สของการประเมินตัวเองว่าเป็นคนแบบไหน และมันก็ค่อนข้างตรง ข้อสรุปที่ได้คือผมมีลักษณะเป็นเหยี่ยว กับนกแก้ว เหยี่ยว หมายถึงการเป็นคนที่เด็ดขาด และนกแก้ว หมายถึงคนที่มีความละเอียดอ่อน เมื่อมีเรื่องสำคัญ ผมจะกลายเป็นเหยี่ยว ที่ต้องตัดสินใจในทันที แต่ถ้าเป็นเรื่องของคน ผมจะแคร์มาก เพราะคนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในบริษัท ถ้าน้องๆ ได้เรียนรู้ ก็จะพัฒนาตัวเองไปได้ เมื่อน้องๆ พัฒนาตัวเองจนเก่งขึ้นได้ เราก็จะสบายขึ้น
อุปสรรคในการทำงานและวิธีแก้ปัญหา
เพราะเราเป็น Family Business เพราะฉะนั้นคนที่เราคุยด้วยจึงเป็นคุณพ่อ คุณแม่และญาติๆ ซึ่งอยู่คนละ Generation ความคิดย่อมต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งเราต้องหาทางจูนเข้าหากัน ต้องคุยกันและทำให้ไปในทิศทางเดียวกันให้ได้ ว่าอนาคตของบริษัทจะเป็นอย่างไร เราต้องเห็นเป็นภาพเดียวกัน อาจใช้วิธี Step Back ต้องถอยกันคนละก้าว ถึงจะทำให้รอยต่อระหว่าง Generation สมบูรณ์ขึ้น ซึ่งในระหว่างการทำงาน ผมจะพยายามปรับความสุดโต่งของตัวเองให้ลดลงมาอยู่ในระดับที่พอดีครับ
มุมมองต่อธุรกิจผมและความงามในปัจจุบัน
ธุรกิจความงามมีการแข่งขันที่สูงมาก แต่ผมคิดว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คนสวยขึ้น แฮปปี้ขึ้นได้ ก็ทำไปเลย เพราะผมไม่เคยมองว่าคนอื่นเป็นคู่แข่ง แบรนด์อาจจะเป็นคู่แข่ง แต่เจ้าของเป็นเพื่อนกันได้ หลายๆ ครั้งที่ผมได้เรียนรู้จากเพื่อนของผมซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อื่น สิ่งที่ผมอยากทำให้เกิดขึ้นคือการที่ธุรกิจความงามเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสินค้าที่ทำให้ชีวิตของคนที่ใช้มีความสุขมากขึ้นมากกว่า โดยมองข้ามเรื่องเงินไป
แผนบุกโลกออนไลน์
ผมเริ่มจากวางแผนว่าเราควรเข้าไปอยู่ใน Channel ใดบ้าง Facebook, Website, บัตรเครดิต, QR Code เพราะในอนาคต คนจะเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คนเริ่มไม่เดินห้าง แต่ใช้วิธีการช้อปปิ้งออนไลน์แทน ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นเรื่อยๆ ความสะดวกสบายที่ชัดเจนขึ้น เพราะฉะนั้น Cruset จะต้องไปในทุกที่ที่คนจ่ายเงินให้กับเรา และในอนาคตก็อาจมีแอพพลิเคชั่นเพิ่มด้วย
“การมี Passion อย่างเดียว คงไม่พอสำหรับการทำธุรกิจ เราจึงต้องมี Mind Set ว่าอย่ายอมแพ้กับปัญหา และต้องมีความอดทนอย่างแรงกล้าที่จะก้าวผ่านปัญหาไปให้ได้ อีกข้อคือการทำทุกวันให้ดีขึ้นทีละนิด ไม่ต้องดีขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ดีขึ้นทีละน้อย”
ทัศนคติต่อการทำงาน
สำหรับผมการมี Passion อย่างเดียว คงไม่พอสำหรับการทำธุรกิจ เราจึงต้องมี Mind Set ว่าอย่ายอมแพ้กับปัญหา และต้องมีความอดทนอย่างแรงกล้าที่จะก้าวผ่านปัญหาไปให้ได้ อีกข้อคือการทำทุกวันให้ดีขึ้นทีละนิด ไม่ต้องดีขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ดีขึ้นทีละน้อย คิดอย่างนี้ทุกวัน จนเราจะปล่อยให้ปัญหามันอยู่อย่างนั้นไม่ได้ เราต้องเข้าโจมตีและทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก การมี Mind Set 2 ข้อนี้ จะทำให้เราเป็นคนที่สู้ เพื่อให้งานของเราสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
เป้าหมายในอนาคตของ Cruset
ภายใน 5 ปี สินค้าภายใต้ชื่อไทย-มีโก้ จะต้องเป็นที่รู้จักของคนเมือง ทุกคนจะต้องเคยใช้สินค้าของ Cruset อย่างน้อย 1 ชิ้น ซึ่งปัจจุบันสินค้าของเรามีอยู่ใน Traditional Trade เสียส่วนใหญ่ ซึ่งคนมักจะมองภาพ Cruset เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้าง Mass ผมจึงมีความคิดที่จะสร้างแบรนด์ใหม่ที่สามารถอยู่ใน Modern Trade ได้และตอบโจทย์คนเมืองมากยิ่งขึ้น
โลกแห่งธุรกิจความงามยิ่งทวีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยนักธุรกิจหนุ่มเลือดใหม่ที่มีทัศนคติในเชิงบวก “นที จรัสสุริยงค์” ที่ไม่ได้มองกำไรเป็นสำคัญ แต่กลับใช้เวลาทุกนาทีพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ ด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “Product is King” ซึ่งให้ความสำคัญกับตัวสินค้าและคิดถึงผู้บริโภคมากกว่าสิ่งอื่นใด