เปิดอาณาจักรธุรกิจร้อยล้านของ ธนา ลิมปยารยะ
กับแบรนด์ AMADO THAILAND
หนุ่มหน้าใสอดีตสมาชิกวงบอยแบรนด์ Nice 2 Meet U ที่ใครๆ ต้องรู้จักในฐานะนักร้องวัยรุ่น ผู้ที่มีความฝันอยากเป็นคุณหมอตั้งแต่เด็ก ทั้งๆ ที่บ้านทำโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ แต่ชีวิตกลับพลิกพลันให้หันมาจับธุรกิจ วันนี้เราได้เห็นบทบาทใหม่ลบภาพนักร้องดังในอดีตของ เชน-ธนา ลิมปยารยะ กับมาดผู้บริหาร บริษัท เชนธนา ซัพพลีเมนท์ จำกัด (อมาโด้ไทยแลนด์) เจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม
จากความล้มเหลวในการทำธุรกิจถึงสองครั้ง คือ ร้านกิ๊ฟช้อป และทำเสื้อผ้าแถวประตูน้ำ ที่หนักหนาสาหัสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เป็นบทเรียนสอนให้เขาได้มองเห็น จุดอ่อนและปัญหาอย่างชัดเจนมากขึ้น และได้พัฒนาจนทำให้ธุรกิจแบรนด์ อมาโด้ โตขึ้นแบบก้าวกระโดดตามกระแสการตลาดออนไลน์ ที่เจ้าของแบรนด์ใช้เป็นกลยุทธ์ในการบุกตลาดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างคาดไม่ถึง Hairworld Plus จะพามารู้จักกับการทำงานในสไตล์ของ เชน-ธนา ลิมปยารยะ ในฐานะนักธุรกิจร้อยล้าน…
ก่อนมาเป็น “AMADO”
ก่อนหน้านี้ผมเคยทำธุรกิจมาสองครั้ง ครั้งแรกตั้งแต่ยังเป็นนักร้องออกอัลบั้มแล้ว ได้เงินลงทุนจากการเป็นนักร้อง ค่าตัวพรีเซนเตอร์โฆษณาต่างๆ ก็เอามาทำธุรกิจแบบไม่เข้าใจระบบธุรกิจเลย เรียนอยู่ปี 2 ก็เปิดร้านกิ๊ฟช้อปที่สยาม ขายดีนะแต่ได้กำไรน้อย เพราะเราซื้อจากต่างประเทศในราคาปลีกและเอามาขายราคาปลีกอีกทีก็เลยต้องขายแพงขึ้น ปิดไปเพราะภาวะการเมืองตอนปิดสนามบิน ครั้งที่สองทำเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ ใช้ทุนที่เหลือจากครั้งแรกนั่นแหละ กำไรดีมากได้เป็นล้านต่อเดือน ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 3 ใช้ชีวิตหรูหรามาก อยากได้อะไรซื้อหมด เที่ยวทุกคืน แล้วก็มาเจอวิกฤติทางการเมืองอีก เจอปิดราชประสงค์ ธุรกิจพังชีวิตตกต่ำที่สุด เป็นหนี้ ไม่มีเงินกินข้าว วงแตก จึงเรียนรู้ว่าการทำธุรกิจในโลกออฟไลน์มันไม่มีความแน่นอน มันน่ากลัว มันมีความเสี่ยงหลายปัจจัย ก็เลยหยุดทำธุรกิจ หันมาตั้งหน้าตั้งตาร้องเพลง เพราะคิดว่าธุรกิจอาจจะไม่เหมาะกับเรา ต่อจากนั้นก็ทำงานประจำที่วุฒิศักดิ์คลินิก ทำอยู่ได้ 3 ปี ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นเป็น มาร์เก็ตติ้ง ไดเร็คเตอร์ เพราะเรามีแนวคิดเรื่องออนไลน์ผู้ใหญ่ก็เลยให้โอกาส
ช่วงตกต่ำและล้มเหลวจากธุรกิจที่ผ่านมา
มันมีเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิตตอนธุรกิจพังจากประตูน้ำจนอยากฆ่าตัวตาย ทำให้เราคิดได้ว่าทำไมโง่อย่างนี้ พ่อแม่เราก็ยังอยู่ ทุนเราก็ดีกว่าชาวบ้าน เราขึ้นคอนเสิร์ตงานหนึ่งหลักหมื่น เพื่อนเรานั่งทำงานทั้งเดือนเพิ่งได้หลักหมื่นจนคิดได้ เมื่อผ่านมาได้ มันไม่มีอะไรแย่เลย คิดได้ก็เอาดอกไม้ไปไหว้ขอขมาพ่อแม่ จนวันนี้ต่อให้มีปัญหาแค่ไหน เราไม่กลัวอะไรแล้ว เราเลยจุดต่ำสุดมาแล้ว ทุกครั้งที่มีปัญหาเข้ามา ก็มาเลยเดี๋ยวแก้ได้ ลุย… สู้… พูดอยู่แค่นี้ แล้วมันก็ไฟเขียวมาตลอด
จุดเริ่มต้นธุรกิจร้อยล้าน
จากการที่ผมล้มมา 2 ครั้ง ทำให้ได้ประสบการณ์เยอะมาก แล้วมาพบจุดแข็งของตัวเองในเรื่องออนไลน์ว่าเรามีเพื่อนใน Hi 5 เยอะมาก ขนาดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ก็เลยไปเรียนเขียนเว็บไซต์และทำเว็บ “chorchain.com” ขึ้นมา เริ่มขายสินค้าออนไลน์พวกกิฟท์ชอปก่อน บูมมากจนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง พอเริ่มมีเงินเก็บก็ใช้หนี้ธุรกิจที่พัง พอมีแฟนก็คิดว่าต้องสร้างครอบครัวและอยากทำธุรกิจของตัวเอง ตอนนั้นทำงานที่วุฒิศักดิ์คลินิกอยู่ด้วยและได้ไอเดียจากลูกค้า เขาจะแต่งงานเค้ามาที่สาขา คอร์สที่เราแนะนำเหมาะสำหรับคนที่จะเป็นเจ้าสาวมาก แต่สู้ราคาคอร์สไม่ไหว ก็แนะนำคอร์สใหม่ที่ปรับราคาลงแต่อาจไม่เห็นผลทันใจ ลูกค้าก็ไม่ไหวอีก สุดท้ายเราก็แนะนำเป็น ซัพพลีเม้นท์อาหารเสริมแบบเม็ด กินแล้วผิวกระจ่างใส ราคาถูกลง ค่อยๆ กินไปเลยวันละ 2 เม็ด อาจจะทัน ก็บอกเขาไป เดือนหนึ่งอาจจะผิวใสขึ้น สว่างขึ้น เขาก็บอกว่าเอาอันนี้ขวดหนึ่ง เราก็แปลกใจ… ซัพพลีเม้นท์ขวดเดียวมันทำให้ว่าที่เจ้าสาวมันมั่นใจได้อย่างไร ตอนนั้นเราก็คิดมีวูบหนึ่งว่า ฉันจะทำซัพพลีเม้นท์แล้ว คือวันนี้คลินิกไม่จำเป็นแล้ว กลายเป็นว่าซัพพลีเม้นท์ขวดเดียว มันช่วยตอบโจทย์ให้ว่าที่เจ้าสาวเขามั่นใจได้ เราก็ชัดเลยว่าเราจะทำอาหารเสริมเป็นเจ้าแรกๆ ซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นกระแสขนาดนี้ และก็ตัดสินใจลาออก แล้วเอาเงินเก็บทั้งหมดมาเปิดธุรกิจ “อมาโด้” อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นอาหารเสริมสำหรับผู้หญิง โดยเริ่มจากมีพนักงาน 5 คนรวมทั้งตัวผมด้วย ทำออฟฟิศที่โรงรถที่บ้าน ซึ่งผมได้ศึกษาและดูแลการผลิตเองทุกขั้นตอน เราเป็นเจ้าแรกที่ขายแบบออนไลน์ รายอื่นขายตรงบ้าง ขายตามตู้กระจกบ้าง แต่เราเป็นเจ้าแรกที่ยกรูปแบบธุรกิจมาใส่ในออนไลน์ ภายในเวลา 3 ปีผ่านมากิจการก็เติบโตจนเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้
หลักหรือเทคนิคในการทำการตลาดออนไลน์
เราจะทำในจุดที่มันตอบโจทย์เรียลทาม เพราะว่าออนไลน์มันไม่เหมือนโลกออฟไลน์ เขาเบื่ออะไร เราจะไม่ทำ อย่างวันนี้ ถ้าเราเล่นเรื่องโมเดิร์นเยอะๆ วันหนึ่งคนก็จะเบื่อ เราก็ต้องกลับไปเล่นแนววินเทจ แต่จริงๆ มันลึกซึ้งกว่านั้น เล่าเป็นตัวหนังสือไม่ได้ มันอยู่ในระดับแนวคิดของทีมเรา
เรียนรู้การทำงานจากใคร
ต้องบอกว่าคุณพ่อ คือที่บ้านผมเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ก็จะมีเครื่องจักรทำงานตลอด 24 ช.ม.บางคืนตี 4 เราจะรู้สึกว่าพ่อลุกจากเตียงออกไปดูโรงงาน ก็เคยถามว่าทำไมมันต้องขนาดนี้ พ่อตอบว่าเดี๋ยววันหนึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจก็จะรู้เอง (หัวเราะ) ถึงวันนี้รู้เลย ถึงขั้นฝันเป็นงาน จริงๆ ผมแฮปปี้นะ เพราะผมเชื่อว่าคนที่สำเร็จทุกคน มันต้องฝังจนเป็นงาน ไม่งั้นมันจะไม่ได้ ผมก็จะมองในแง่ที่คุณพ่อพลาดแล้วเอามาแก้ไข อย่างจุดที่ไม่ยอมกระจายอำนาจให้ทีม หรือคิดได้แต่ไม่กล้าทำ ทุกวันนี้เราก็เลยกล้าทำทุกอย่างจนมีทีมที่แข็งแรง
“ผมก็จะมองในแง่ที่คุณพ่อพลาดแล้วเอามาแก้ไข อย่างจุดที่ไม่ยอมกระจายอำนาจให้ทีม หรือคิดได้แต่ไม่กล้าทำ ทุกวันนี้เราก็เลยกล้าทำทุกอย่างจนมีทีมที่แข็งแรง”
หลักในการบริหารคนในองค์กร
ของผมเป็นบริษัทรุ่นใหม่ มองว่าบริหารด้วยอะไรก็ได้ที่ทำให้เขาทำงานด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยเงินเดือนหรือด้วยเวลาเข้างาน อย่างของเรา เริ่มงาน 11:30 น. เลิกงาน 2 ทุ่มครึ่ง เพราะว่าเรื่องรถติด เราก็ไม่อยากให้มีปัญหา นี่แหล่ะก็คือทำงานด้วยใจ พอมาทำงานด้วยใจเขาก็จะรู้เลยว่าหัวใจของแผนกเขาคืออะไร สุดท้ายเราก็ไม่ต้องสอนอะไร คือให้เขาทำงานกันเองได้ ถ้าติดขัดปุ๊บ เราก็ช่วยแก้ปัญหา
หัวใจในการทำงาน
บริษัทยุคใหม่จะเป็นระบบชั้นวรรณะ หรือเป็นแบบโบราณไม่ได้ มันต้องเปลี่ยนตลอดเวลา เราทำงานที่นี่วันหนึ่งเหมือนบริษัทอื่นทำงานเป็นเดือน สมมุติถ้าพนักงานหยุดงานวันนี้พรุ่งนี้มาตกใจแล้ว เพราะเราจะไปไวมากอาจตามไม่ทัน เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะตามทันได้ คือ คุณต้องมีใจ ต้องทุ่มเทกับมัน ทุ่มเทกับงาน โดยไม่คิดว่าจะเป็นอย่างไง มีผลประโยชน์เท่าไหร่ เราก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายเดียวกัน
คิดว่าประสบความสำเร็จหรือยัง
ยังเลยครับ เพราะสมัยทำอยู่คลินิก ผมอยู่ในยุคที่ยอดขายเดือนละ 300 กว่าล้าน ตกปีละ 3-4 พันล้าน
ทีม Marketing ก็เทียบเท่า อมาโด้ ผมเลยคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ หนึ่งในร้อยของสิ่งที่ผมเคยทำได้ มันยังไปได้อีกไกล
เป้าหมายต่อไปของ AMADO
คงขยายต่อไปเรื่อยๆ เพราะ อมาโด้ คือความงามและสุขภาพ ไม่ใช่แค่อาหารเสริม อะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพเราทำหมด แตกไลน์ไปเรื่อยๆ โดยให้บุคลากรที่เข้าใจเรา เข้าไปบุกเบิกในแต่ละบริษัทอีกทีหนึ่ง
ฝากข้อคิดสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจ
วันนี้การตลาดออนไลน์ไม่ง่ายที่จะเริ่มต้นจากศูนย์แล้วพุ่งสู่ร้อยล้าน มันอาจจะเป็นยุคที่ต้องมี Partner ที่แข็งแรงกว่าไป Join venture และอาจจะต้องแบ่ง Market Share แต่ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ แต่ระดับความสำเร็จของวันนี้มันอาจไม่เท่ายุคทองของออนไลน์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
การวิ่งเร็วและมีประสิทธิภาพ สำหรับ “ธนา ลิมปยารยะ” เจ้าของธุรกิจร้อยล้าน คือวิ่งเร็วในขณะเดียวกันก็มีจังหวะผ่อนปรนบ้าง คือพอวิ่งนำงานได้แล้ว ก็จะลดสปีดลงมาเพื่อให้ได้หายใจ และนื่คือการทำงานของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ใช้ใจบริหารตนและบริหารคนจนได้ใจ