พัฒนาฝีมือสู่ช่างผมระดับ Professional ของเมืองไทย
กับไสฟ์สไตล์สุด Chic & Chill “น้อยหน่า-CHALACHON”
ภวดล ปฐมพรโสภณ
ค่อยๆ ก้าวเข้ามาในอาชีพที่รัก ชัดเจนในสิ่งที่ฝัน ผ่านการพิสูจน์ใจตัวเองอย่างไม่มีข้อกังขา มุ่งมั่นและพยายามพัฒนาฝีมือจากช่างผม No Name คนหนึ่ง อยู่ร้านเสริมสวยเล็กๆ ริมถนน ขยับก้าวเข้ามาอยู่ในห้างสรรพสินค้า และเข้าสู่ CHALACHOL ทั้งที่ไม่รู้ว่า ดร.สมศักดิ์ ชลาชล คือใคร? รู้แค่เพียงต้องการพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นและเก่งขึ้น จนวันนี้หลายคนเรียกเขาว่า… อาจารย์น้อยหน่า-ภวดล ปฐมพรโสภณ แห่งสถาบันเสริมสวย CHALACHOL Academy, Manager CHALACHOL Siam Center และ Head of Artist Team ในการทำแฟชั่นโชว์ทรงผมทั้งไทยและต่างประเทศ การอยู่กับ CHALACHOL มาตลอด 17 ปี 6 เดือน ไม่เคยเปลี่ยนไปไหน
ไม่ได้หมายความว่าไม่พัฒนา
HW: ชีวิตวัยเด็ก?
คุณน้อยหน่า : คุณพ่อเป็นคนจังหวัดลำปาง คุณแม่เป็นคนภาคอีสาน ตอนเด็กพี่เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายที่สุด ไม่ซน ไม่ดื้อ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกคนเล็กแต่ไม่ได้ถูกตามใจ เพราะคุณพ่อเป็นครู จะเคร่งมีความเป็นระเบียบ ไม่มีสปอยล์ แม้แต่เวลากินข้าวก็จะห้ามคุย สมมุติว่าเวลาอยู่บ้านนั่งกับพื้นต้องห้ามท้าวแขน ต้องนั่งตัวตรงจะมานั่งท้าวแขนไม่ได้ เขาไม่ได้ถึงกับบังคับนะ แต่ถ้าเขาเห็นเราท้าวแขนจะเอามือมาตี เราก็จะรู้พอมาหลังๆ เราจะไม่ทำ ช่วงชีวิตวัยเด็กพี่ก็จะใช้ชีวิตอยู่ที่ลำปาง เรียนที่นั่น และย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ ตอนโต
HW: จุดเริ่มต้นของช่างผมและความชัดเจนในสิ่งที่รัก?
คุณน้อยหน่า : จริงๆ ชอบแต่เด็กนะ คือ ชอบไปจับผม ชอบไปหาอะไรมาม้วนผม แต่เมื่อก่อนไม่รู้ว่าทำไมเราชอบ มีคุณป้าเป็นช่างทำผมอยู่แล้วด้วย ตอนเด็กๆ เราก็เคยไปนั่งดูเขาที่บ้าน ดูเขาม้วนผม ทำผม และเราทำได้ ยังมาคิดว่าทำไมเราชอบทำ สุดท้ายไปถามคุณแม่ว่า… ที่บ้านเราทำไมมีแต่ช่างทำผม ทำไมเราชอบ กลายเป็นว่าคุณยายก็เป็นช่างผมที่ดังมากในยุคนั้น คือ ทรงผมดอกกระทุ่ม ต้องมาตัดกับเขา เหมือนเป็นเทรนด์ (หัวเราะ) เหมือนวัยรุ่นชอบทำกันในยุคนั้น ต้องทรงกระทุ่มอะไรแบบนี้ ต้องเป็นคุณยาย เหมือนมันส่งต่อทางสายเลือดมาถึงเราที่เป็นหลาน คิดว่าเราน่าจะได้มาจากคุณยาย พอถึงช่วงที่จะต้องเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงที่จะต้องเลือกว่าจะไปทางไหน พี่เลือกไปทางสายอาชีพ คือ เรียนตัดผม โชคดีตรงที่เป็นคนตัดสินใจเร็ว หมายถึง ตัดสินใจตอนช่วงที่จะต้องเลือกว่าจะเรียนอะไร เรียนแบบไหน หากตอนนั้นเลือกไปเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าจบออกมาแล้วค่อยหันไปเรียนทางด้านผม มันก็จะเสียเวลา พี่เลยตัดสินใจว่า เลือกเรียนอะไรที่เรียนแล้วทำงานได้ ก็ไปเรียนตัดผม แต่ก่อนที่จะตัดสินใจไปเรียน ได้ไปขอฝึกงานกับรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาเป็นช่างผมที่เก่งมากตอนนั้น เป็นอาจารย์ของหลายๆ คนด้วย เพราะว่าเราอยากรู้ว่าเราชอบจริงมั้ย? ก็ไปขอฝึกโดยไม่รับเงิน ไม่ขอเงิน ไปฝึกอย่างเดียว ไม่เอาค่าจ้าง คือจุดประสงค์ เราอยากรู้ว่าชอบจริงหรือเปล่าก่อนที่จะตัดสินใจไปเรียน ก็ไปเริ่มกวาดเศษผม ไปดูเขาไดร์ผม ม้วนผม ไปยืนช่วยส่งอุปกรณ์ จนไปยืนดูสระ ให้ลองสระ สอนเป็นสเต็ปเลย จนพี่ทำได้หมด ฝึกอยู่ 3 เดือน เริ่มรู้สึกว่าชอบ สามารถไดร์ผมได้ คือ เป็นคนที่ทำผมได้ก่อนไปเรียน เพราะเราได้ฝึกที่ร้าน พอไปเรียนที่โรงเรียนมันกลายเป็นว่าไปเร็วกว่าคนอื่น อาจารย์เขาก็ตกใจทำไมไดร์ผมได้ ม้วนแกนได้
HW: ก้าวเข้าสู่อาชีพช่างผม?
คุณน้อยหน่า : ยึดเป็นอาชีพจริงจัง คือเรียนจบนั่นแหละ แต่ยังไม่ไปร้านใหญ่นะ เริ่มที่ร้านข้างนอกก่อน ร้านตึกแถว คือพี่จะวางสเต็ปในการทำงาน พี่จะเริ่มจากอะไรที่มันเล็กๆ จะไม่ก้าวกระโดด ตอนแรกจะเริ่มจากการเซ็ทผม หรือทำทุกอย่างในหน้าที่ของอาชีพนี้อย่างที่ควรจะทำ และเวลาที่เราไปบอกไปสอนเด็ก คือเราทำได้ 100% พี่ก็เริ่มจากเป็นช่างร้านเล็กๆ ทั่วไปประมาณ 1 ปี และเริ่มขยับเข้าไปอยู่ในห้าง ตอนอยู่ร้านตึกแถวพี่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงินเดือนนะ แต่ก็พอที่จะดูแลตัวเองได้ คือ เราต้องการประสบการณ์ เรายังไม่ต้องการเงิน การทำผมมันเป็นงานฝีมือ มันเป็นศิลปะ มันต้องใช้เวลาใช้ประสบการณ์ ไม่ได้ซีเรียสขอเอาประสบการณ์ไว้ก่อน ได้เงินเดือนเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้ได้ไปทำ อยู่บนห้างฯ ได้สองปีมีรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ชลาชล สาขาทองหล่อ เขาบอกว่าลุคพี่น่าจะไปอยู่ชลาชล
HW: จากช่างผม No Name เข้าสู่ CHALACHOL?
คุณน้อยหน่า : ตอนรุ่นน้องชวน พี่ก็ลางานเพื่อมาสมัครงานที่ชลาชล ซึ่งเขากำลังรับสมัครอยู่และชลาชลเพิ่งเปิดที่สยามเซ็นเตอร์ รู้สึกว่าน่าจะมีประมาณ 4 สาขา แต่ก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียงในตอนนั้น ประสบการณ์ของเราประมาณ 3 ปี และมีคนมาสมัครพร้อมกัน 5 คน ประสบการณ์เป็น 10 ปี และพี่ไม่รู้จักคุณสมศักดิ์เลย ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น ไม่รู้ว่าเขาคือใคร รู้แค่ว่า ชลาชลคือร้านทำผม เราเพิ่งเข้ามาในวงการนี้และไม่ได้รู้จักใคร ไม่รู้คนไหนดัง คือ ไม่ได้สนใจวงการช่างผม สนใจแค่ว่านี่คือสิ่งที่เรารัก และเลือกเป็นอาชีพเพื่อที่จะเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัว ตอนสัมภาษณ์ก็มีผู้ชายคนหนึ่งใส่แว่นเดินมา ให้ไปนั่งสัมภาษณ์ในห้องเขา เราไม่รู้ว่าใคร นึกอย่างเดียวว่าตาใส่แว่นนี้ใคร สงสัยเป็นคนรับสมัครงานอะไรอย่างนี้ การที่เราไม่รู้ว่าเขาคือใคร ทำให้เราไม่เกร็งแต่ทุกคนรู้จักเขาหมดเลยนะ และเขาก็พูดว่าขอตั้งคำถามเดียวกัน “ทำไมมาสมัครงานที่ ชลาชล และรู้จักสมศักดิ์ ชลาชลมั้ย” มีพี่คนเดียวไม่รู้จัก และถ้าพี่แกล้งบอกไปว่ารู้จัก ก็นึกในใจนะ ถ้าบอกว่ารู้จักและเกิดเขาถามคำถามอะไรอย่างอื่นที่เราตอบไม่ได้ล่ะ พี่เลยตอบแบบไม่ตรงคำถามซะทีเดียวประมาณว่า “ผมรักในอาชีพทำผม และผมอยากร่วมงานกับชลาชล ผมคิดว่าผมสามารถพัฒนาและปรับปรุงฝีมือ แล้วจะอยู่ในวงการนี้เป็นช่างทำผมได้ดี”
|
HW: เกือบ 18 ปี ที่อยู่กับ CHALACHOL นานมาก?
คุณน้อยหน่า : การอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ อย่างแรกเลยคือ ต้องมีความศรัทธาและความผูกพันในองค์กร บางคนเป็นช่างผมเดี๋ยวเปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ แต่พี่ไม่ชอบแบบนั้น ไม่ใช่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงนะ แต่เพราะที่นี่มันมีอะไรให้เราเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ที่นี่ไม่ใช่ร้านทำผมที่ไม่ได้พัฒนาคน เป็นร้านทำผมที่พัฒนา พัฒนาบุคลากร พัฒนาสิ่งใหม่ๆ และมีอะไรใหม่ๆ มาให้ได้ทดลอง มาใช้ ได้เรียนรู้ตลอดเวลา พอพี่มาอยู่แล้วพี่รู้สึกว่าได้พัฒนาตลอด ให้เราไปทำงานนอก ให้ไปทำแฟชั่นโชว์ ได้ไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ข้างนอก ได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ หรืออะไรอย่างนี้
HW: ผลงานที่ภูมิใจที่สุด?
คุณน้อยหน่า : (ทำท่านึกอยู่นาน) ผลงานประทับใจทั้งหมดนะ เลือกไม่ได้ มันเป็นอาชีพที่เราเลือกแล้ว เลยไม่มีอันไหนที่ไม่ประทับใจ แต่มีที่รู้สึกเป็นความภูมิใจ ก็คือได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปโชว์ที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางสมาคมกับคุณสมศักดิ์เป็นคนเลือก พี่เป็นคนที่ชอบและถนัดทำแฟชั่นโชว์ แฟชั่นโชว์ของชลลาชลหลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้น พี่จะเป็นไดรเรคเตอร์ในการทำโชว์ ดูแลแคสติ้งนางแบบ นายแบบ เพราะเรามีเทสในเรื่องแฟชั่น
HW: อุปสรรคและกำลังใจสำคัญ?
คุณน้อยหน่า : ทุกอาชีพมันมีอุปสรรคหมด แต่ของพี่มันทำงานกับคน จะต้องเจอเรื่องอารมณ์ อุปสรรคคือ “อารมณ์” อารมณ์คือ คำพูด อาจเกิดจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน เหนื่อยเรื่องอารมณ์ ร่างกายไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เป็นไร แต่ถ้าเหนื่อยใจปุ๊บมันก็จะยิ่งล้า แต่ด้วยมันเป็นอาชีพที่รัก เราเลือกที่จะทำมัน เราไม่ได้มาทำอาชีพนี้เพราะว่าเราไม่มีงานทำ เราไม่ได้มาทำอาชีพนี้เพราะไม่รู้จะไปทำอะไร หลายๆ คนไม่รู้จะทำอะไรก็มาเป็นช่างผม แต่พี่มาพี่เลือกแล้ว ต่อให้เหนื่อยหรือว่าเบื่อก็เป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ชั่วอารมณ์ พอได้มาทำผมก็จบ
HW: เมื่อมีความรัก?
คุณน้อยหน่า : ปัจจุบันอยู่กับแฟน คบกันมา 20 ปีแล้ว แฮบปี้ดี พี่ไม่ได้เป็นคนโรแมนติกอะไร ไม่ขี้หึง ก็แปลก ไม่หึงเลย อาจเพราะเชื่อใจมั้ง และพี่ก็เป็นแบบนี้มาตลอดนะตั้งแต่สมัยวัยรุ่นมีแฟน ไม่หึง ไม่ใช่ว่าไม่สนใจนะ แต่ไม่หึงเลย และอาจเป็นเพราะรักคนยาก รักยากมาก กว่าจะเรียกแฟนนี่ใช้เวลานานนะ ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้คบกันสองวันเรียกแฟนๆ สำหรับพี่กับคนนี้ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ถึงจะเรียกแฟน เพราะพี่จะเริ่มจากน้อยไปหามาก สมัยนี้เริ่มจากมากไปหาน้อย จากเฉยๆ จนตอนนี้ 20 ปีแล้วกลายเป็นว่ามากกว่าตอนแรก และกลายเป็นว่าห่วงใยเรื่องสุขภาพ การดูแลกันมากกว่า เหมือนเป็นเพื่อนเป็นคนในครอบครัวไปแล้ว
HW: ชีวิตส่วนตัวกับวันว่าง?
คุณน้อยหน่า : งานจะยุ่งในบางช่วง ถ้ามีงานนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างล่าสุดเพิ่งไปออกแบบทรงผมให้ Let me in Thailand ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต ไปศัลยกรรมเรื่องทรงผมอะไรแบบนี้ ก่อนหน้านี้จะมีงานแฟชั่นโชว์ของชลาชลเอง งานที่มันยุ่งๆ ก็จบไปแล้วช่วงนี้ ตอนนี้จะเป็นงานที่อยู่ในเวลา อยู่ในร้านทำผมปกติ ส่วนวันหยุดจะหยุดทุกวันอังคาร ถ้าเกิดช่วงที่ไปงานนอกเยอะๆ จะไม่หยุด จะพยายามมาทำงานทุกวัน ไม่ใช่ว่ามาทำแล้วเหนื่อยนะ แต่เรา Happy ที่จะมา และถ้าได้หยุดจะชอบไปวัด เข้าวัดทำบุญ ไหว้พระ ชอบขับรถไปต่างจังหวัดใกล้ๆ สุพรรณบุรีบ้าง อยุธยาบ้างเพราะวัดเยอะ นอกจากทำบุญแล้วจะชอบไปเดินตามสวนสาธารณะ ไปปั่นจักรยาน คือ จะพยายามไม่เข้าห้าง ถ้าเป็นวันหยุดจะไปแค่ซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต ไม่เดินห้างเลย หรือถ้าไปก็น้อยมาก
HW: สไตล์การแต่งตัวสุด Chic?
คุณน้อยหน่า : พี่เป็นคนที่ชอบแต่งตัวมาก เสื้อผ้าเยอะมาก เป็นแฟชั่นแต่ไม่ใช่แฟชั่นหลุดโลกนะ เป็นคนที่แต่งตัวเป็น ต่อให้แฟชั่นยังไงก็จะไม่หลุดโลกขนาดที่คนเดินด้วยไม่ได้ (หัวเราะ) จะเป็นคนที่แต่งตัวมีสไตล์ มีกิมมิค จะมิกซ์แอนด์แมทซ์เป็น พี่จะเป็นคนที่ซื้อเสื้อผ้าแล้วใส่ได้เป็น 10 ปี หมายถึงรูปแบบ ดีไซน์ สไตล์ และเวลามองเสื้อผ้าจะมองได้เป็น 10 ปี คือ อีก 10 ปีเอามาใส่ก็ยังไม่ตกเทรนด์ประมาณนี้
HW: ดูแลสุขภาพในแบบไม่เหมือนใคร?
คุณน้อยหน่า : ส่วนใหญ่จะดูแลเรื่องการกินมากกว่า เพราะพี่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เมื่อก่อนออกกำลังกายบ่อยนะ แต่มีช่วงหนึ่งไปผ่าตัดไส้ติ่ง เลยหยุดไป กลายเป็นขี้เกียจและก็ยาวมาเลย (หัวเราะ) เลยเน้นดูแลเรื่องการกิน จะเป็นคนทานข้าวเย็นตอน 4 โมงเย็น หลังจากนั้นจะไม่ทาน เป็นการควบคุมน้ำหนักไปในตัว เพราะอายุมากขึ้นถ้าน้ำหนักมากจะไม่ดีต่อสุขภาพ
HW: ของรักของสะสม?
คุณน้อยหน่า : ที่จริงพี่มีของสะสมหลายอย่างนะ แต่ไม่ได้เอามาหมดเพราะคิดว่ามันอาจดูตลก (หัวเราะ) จะมีเครื่องบิน ชอบสะสมเครื่องบินที่เป็นโมเดล สะสมเยอะมาก เป็นคนที่ชอบเกี่ยวกับการบินมาก พี่เป็นคนที่รู้จักเครื่องบินเยอะมาก อย่างลูกค้าที่เป็นนักบินยังมาขอข้อมูลจากพี่เยอะมาก (หัวเราะ) พี่จะมีหนังสือที่เกี่ยวกับการบินด้วย ชอบอ่านแล้วรู้สึกรีแล็กซ์ เป็นคนที่อ่านหนังสือจะไม่อ่านที่เกี่ยวกับผมเลย จะอ่านเรื่องเกี่ยวกับการบิน สายการบินอะไรแบบนี้ และจะมีภาพคลิปวีดีโอแลนดิ้งแล้วก็แทกออฟเยอะมาก อีกอย่างที่สะสมคือ ซีดีการประกวดมิสยูนิเวิร์ส และการประกวดหลายๆ เทวี เพราะว่าเอามาดูเรื่องทรงผม เรื่องการแต่งตัวได้ และยังมีหมวก ที่จริงมีเยอะกว่านี้ นี่เอามาแค่ส่วนหนึ่ง หมวกพวกนี้จะมาต่างที่หมดเลย และแรกๆ ที่ใส่หมวกเป็นเพราะไม่ได้สระผม (หัวเราะ) และพี่เป็นคนที่ใส่อะไรต้องมิกซ์แอนด์แมทซ์ มันเลยมีหมวกหลายแบบหลายสไตล์ ตอนซื้อต้องนึกว่าเอามาใส่กับอะไรได้บ้าง มีใบที่ชอบใส่เหมือนกัน คล้ายๆ ทรงใบเลย์เพราะมันเข้ากับหน้าที่สุด และง่ายต่อการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายด้วย อ้อ… มีรองเท้าด้วยที่เยอะมากเหมือนกัน
HW: มองตัวเองในอนาคตอย่างไร?
คุณน้อยหน่า : ที่จริงอาชีพนี้อยู่กับเราได้ตลอด แต่เราก็มองว่าอาจจะขยับขยาย การที่จะเริ่มไปทำอะไรใหม่ต้องมีความพร้อม พร้อมทั้งเวลาและโอกาส เพราะบางครั้งที่หลายๆ คนออกไป ไปทำร้านหรือทำธุรกิจของตัวเอง คือไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จต้องกลับมาเริ่มใหม่ มันไม่ใช่ มันเสียเวลา ด้วยความที่เราอยู่ตรงนี้มานาน เราไม่อยากเจออะไรแบบนี้ จึงอยากให้มีความพร้อมที่แข็งแรงหรือโอกาสที่ดี หากถึงเวลาที่จะไปทำอะไรต่อไปก็ว่ากันอีกที
HW: สิ่งสำคัญที่ทำให้ก้าวมาถึงวันนี้?
คุณน้อยหน่า : เพราะความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ตั้งแต่พี่สอนเด็กรุ่นใหม่มาจะบอกเสมอว่า อย่าหลอกลูกค้า หลอกในที่นี้ คือ อาชีพนี้ต้องฝึกฝนต้องใช้ประสบการณ์ เราตัดผมไม่เป็นแล้วจะไปหลอกเขาว่าตัดได้ เอาแค่บุคลิกไปหลอกเขา ทั้งๆ ที่ตัดผมไม่เป็น มันไม่จริงใจ อย่าทำอย่างนั้น ให้ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน แล้วศรัทธาในอาชีพที่ตัวเองทำแล้วมันจะทำให้ลูกค้าศรัทธาเราด้วย
HW: ถึงช่างผมรุ่นใหม่ด้วยความรัก?
คุณน้อยหน่า : อยากให้คนที่จะเข้ามาเป็นช่างผม เข้ามาเพราะใจรักจริงๆ รักในอาชีพจริงๆ และพร้อมจะพัฒนาฝีมือ ไม่อยากให้เข้ามาเพราะเป็นกระแส หรือเพราะมันดูเท่ และยุคสมัยนี้สื่อโซเชียลมาแรง เด็กรุ่นใหม่จะชินกับการเปิดยูทูป ขนาดมาเรียนตัดผมตัวต่อตัว ก็ยังเปิดยูทูป เขาจะเชื่อสื่อพวกนี้มากกว่า อยากบอกให้เขาปรับทัศนคติใหม่ ถ้าจะเข้ามาเรียนรู้และต้องการการเรียนรู้จริงๆ ถ้าคุณเชื่อมั่นในสถานบันที่เข้าไปเรียนแล้วก็จงเชื่อมั่นอาจารย์ผู้สอนด้วย
เส้นทางในวงการช่างผมเหมือนไม่มีอุปสรรคให้ต้องฝ่าฟัน เหมือนเดินมาอย่างราบรื่น แต่นั่นเป็นเพราะการค่อยๆ ก้าวอย่างมั่นใจ ซื่อสัตย์ และศรัทธราในอาชีพที่รัก… ระหว่างทางมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง ลองสิ่งใหม่ๆ และคว้าทุกโอกาสที่มาถึง ความสำเร็จอาจไม่ได้มาเร็วนักในชั่วเวลาข้ามคืน แต่มาถึงวันนี้ชื่อของ น้อยหน่า-CHALACHON ไม่มีใครไม่รู้จัก