ต้องยอมรับว่าตอนนี้กระแส Barber กำลังฮอตและฮิตติดเทรนด์ไปทุกวงการ ในส่วนของวงการผม เราได้เห็นร้านบาร์เบอร์และทรงผมสไตล์วินเทจกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง พร้อมกับเกิดการรวมกลุ่มกันของชาวบาร์เบอร์เพื่อทำกิจกรรมจิตอาสาตัดผมฟรีตามที่ต่างๆ ถือเป็นการยกระดับวงการบาร์เบอร์ให้เป็นมากกว่าแค่การตัดผมในร้าน ซึ่งบุคคลหนึ่งที่เป็นกำลังสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ “คุณเอ-ศักดิ์ศิริ จุลกะเศียน” แห่งร้าน Sxissors Container Barbershop ช่างตัดผมแนววินเทจชื่อดัง ที่เหล่าสาวกบาร์เบอร์ยกย่องว่ามีฝีมือขั้นเทพ นอกจากนี้ เขายังเป็น Brand Ambassador Wahl Thailand แบรนด์อุปกรณ์ตัดผมชื่อดังจากอเมริกา ที่อยู่คู่วงการผมเมืองไทยมาอย่างยาวนาน มาทำความรู้จักกับตัวตนและแนวคิดดีๆ ของผู้ชายคนนี้ไปพร้อมๆ กัน
สิ่งที่จุดประกายให้อยากเป็นช่างตัดผม
เมื่อก่อนผมทำงานเป็น Lighting Design และ Sound Engineer ตอนนั้นก็ไว้ผมยาวถึงหลังเลย แต่พอถึงจุดหนึ่งเราอยากเปลี่ยนมาตัดผมสั้น เลยไปตัดที่ร้านในห้าง เป็นร้านดังมากๆ ก็เอาแบบทรงผมที่เราอยากตัดไปให้ดู เป็นทรงอเมริกันสไตล์ที่ชื่อ Rock A Billy แต่พอตัดออกมาแล้วมันไม่ใช่ วันรุ่งขึ้นก็ไปตัดสกินเฮดเลย แล้วก็กลับมานั่งคิดว่าต้องมีคนที่ชอบสไตล์ทรงผมแบบเรา แต่หาร้านตัดไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจไปเรียนเพื่อมาเปิดร้านตัดผมให้กับคนที่ชอบสไตล์เดียวกัน
เรียนรู้พื้นฐานการตัดผม จนมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง
ผมเริ่มต้นจากการไปเรียนตัดผมที่ศูนย์ฝึกอาชีพของกรุงเทพมหานคร เป็นหลักสูตรตัดผมชายขั้นพื้นฐาน พอจบก็หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดผมสไตล์วินเทจในแบบที่เราชอบจากพวก YouTube และหนังสือต่างๆ จนตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านขึ้นมา ร้านแรกที่เปิดก็จะเป็นแบบ Street Barber ใช้ชื่อร้านว่า Silvercut Barbershop อยู่แถวย่านรามคำแหง ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ทำมาได้สักพักก็แยกมาเปิดร้านเป็นของตัวเองที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา ตั้งชื่อร้านว่า Sxissors Container Barbershop จนถึงตอนนี้ก็เปิดมาได้ประมาณ 6 ปีแล้วครับ
ที่มาของชื่อร้าน Sxissors Container Barbershop
ผมก็นั่งคิดชื่อร้าน หาคำที่เกี่ยวกับการตัดผม มันก็มีคำว่า Scissors แต่มีคนใช้กันเยอะ ก็เลยแปลงจากตัว “C” มาเป็นตัว “X” เป็นคำว่า Sxissors เพราะความหมายเดียวกัน และร้านเป็นตู้คอนเทนเนอร์ด้วยก็เลยได้ชื่อนี้มาครับ
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของร้าน
เป็นเรื่องการตัดและเซ็ตทรงครับ ร้านของผมจะตัดแค่ทรงวินเทจอย่างเดียว ไม่รับตัดทรงอื่น เพราะเป็นสไตล์ที่ชอบก็เลยอยากทำให้เป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์
อุปสรรคในการทำงาน
มีเยอะครับ โดยเฉพาะช่วงแรกที่ทำร้าน Silvercut ตอนนั้นร้านเป็นแนว Street Barber เปิดอยู่ที่ตลาดนัด พอถึงช่วงหน้าฝนจะมีปัญหามาก คือตัดๆ ไปไฟฟ้าก็เกิดดับขึ้นมา แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องไฟฟ้าดับก็จะเป็นเรื่องอากาศที่ร้อนมากๆ มีแมลงเต็มไปหมด บางวันก็เจอน้ำท่วมถึงหัวเข่า ต้องชักปลั๊กไฟวิ่งกันวุ่นวายไปหมด ส่วนใหญ่พอฝนตกก็ต้องปิดร้านแล้ว ตัดผมต่อไม่ได้ เรียกว่าทำงานช่วงแรกๆ เจออุปสรรคเยอะมาก
มีวิธีให้กำลังใจตัวเองอย่างไรในวันที่ท้อแท้
ผมมองว่าการทำงานก็เป็นเรื่องของปากท้องมากกว่านะ คือถ้าไม่ตัดผมก็ไม่มีตังค์ เราก็เลยต้องลุย ต้องสู้ เอาสิ่งที่เรารักเราชอบออกมาทำ ผมคิดอยู่เสมอว่าการตัดผมเป็นงานที่เรารัก พอได้ตัดผมให้ลูกค้าก็รู้สึกเพลิน ไม่เหนื่อย เห็นลูกค้าส่องกระจกแล้วยิ้มก็ทำให้เรามีความสุข
สิ่งที่ทำให้รักในอาชีพตัดผม
การตัดผมก็เหมือนทำงานศิลปะอย่างหนึ่ง เราตัดผมลูกค้า 1 คน ก็เหมือนกับการวาดรูป 1 รูป มันก็ต้องจินตนาการไปด้วย ออกแบบไปด้วย และแก้ไขปัญหาไปด้วย เพราะรูปทรงศีรษะลูกค้าก็มีหลายแบบ ทำให้รู้สึกว่าท้าทายเวลาทำงาน พอตัดผมเสร็จแล้วลูกค้าส่องกระจกแล้วยิ้มพอใจ กลับมาตัดอีกรอบ เราก็มีความสุขแล้ว และที่ชอบอีกอย่างก็คือ ช่างผมบาร์เบอร์เวลาทำงานจะแต่งตัวยังไงก็ได้ เป็นตัวของตัวเองตามสไตล์ที่เราอยากจะเป็น ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นยูนิฟอร์ม ก็รู้สึกว่ามีอิสระดี
ที่มาของตำแหน่ง Brand Ambassador Wahl Thailand
น่าจะมาจากการที่ผมทำงานเพื่อผลักดันและยกระดับวงการบาร์เบอร์เมืองไทยมาหลายปี จนไปเข้าตาทางบริษัท และติดต่อให้มาร่วมงานเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ก็มีหน้าที่หลายอย่างครับ ทั้งพรีเซ็นต์สินค้า เป็นเทคนิเชียลโชว์ จัดงานสอนเทคนิคต่างๆ ในนามของ Wahl
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับตำแหน่งนี้
ครั้งแรกที่เรียนตัดผม ได้จับอุปกรณ์ตัดผมครั้งแรกก็ใช้แบรนด์ Wahl และตอนที่ดูพวกคลิปสอนตัดผมของทางเมืองนอกก็จะเห็นว่าเขาใช้อุปกรณ์ของแบรนด์นี้ ผมก็ตั้งใจไว้เลยว่าถ้าเราได้มายืนอยู่ในจุดที่เรียกว่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่เป็นตัวแทนของแบรนด์นี้ก็ถือว่าเป็นที่สุดของชีวิต แล้วพอวันหนึ่งเราได้มาถึงจุดนั้นจริงๆ ก็ถือว่าชีวิตเราประสบความสำเร็จมากแล้วครับ
เหตุการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เข้ามาเป็นจิตอาสาตัดผมฟรี
ผมเคยไปตัดผมการกุศลงานนึงที่สนามหลวง ตัดให้คนเร่ร่อน ไปเจอคนนึงผมเขายาวมากๆ เป็นเหาเป็นอะไรเต็มไปหมด ผมก็ไปตัดให้เขา ปรากฏว่าเขานั่งร้องไห้แล้วก็ขอบคุณ ตัวผมก็เลยร้องไห้ไปด้วย ซึ่งการไปตัดผมให้คนเร่ร่อนครั้งนั้นทำให้ผมได้คิดว่า การที่เราเป็นผู้ให้มันอิ่มใจกว่าการเป็นผู้รับ ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยสนใจเรื่องตัดผมฟรี ตัดผมการกุศล และทำมาตลอดถึงตอนนี้ก็ประมาณ 4 ปีแล้ว จนลูกน้องที่ร้านแซวว่า “ตัดได้ตังค์พี่ไม่ค่อยตัดเลยนะ แต่ตัดฟรีนี่ตัดจัง” (หัวเราะ)
ไปร่วมตัดผมการกุศล หรือตัดผมฟรีตามต่างจังหวัดบ่อยแค่ไหน
ผมจะมีกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันช่วงเวลาว่าง ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน อย่างบางทีเราไปเที่ยวก็เห็นว่าไหนๆ ก็ไปแล้วเราก็น่าจะไปทำประโยชน์สักหน่อย ตัดผมฟรี 4-5 คน ไปกัน 10 คน ก็ได้ 50 หัวแล้ว คนที่เราตัดให้ก็เป็นคนที่ไม่มีเงินที่จะมาตัดผมร้านดีๆ บางทีเราไปเจอคนเร่ร่อน พอตัดผมให้เขาเสร็จก็ให้ตังค์เขาไปด้วย ให้เอาไปเก็บไว้ใช้อะไรแบบนี้ ถ้าถามว่าไปบ่อยแค่ไหน ก็ไปกันแทบทุกเดือนถ้าไม่ติดงานจริงๆ นะครับ ก่อนหน้านี้เคยรวมกลุ่มกันได้เยอะสุดก็ 30 กว่าคัน แต่พอมาช่วงหลังๆ ก็เหลืออยู่แค่ 5-6 คันแล้ว (หัวเราะ) เพราะบางทีเวลาว่างไม่ตรงกัน ติดงานติดธุระกันบ้าง
สถานที่ออกทริปสุดโปรด
ผมชอบทุกที่ที่ได้ไปนะ เพราะเราไปแล้วมีความสุข ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ที่เราชอบ แล้วไปตัดผม ทำบุญ ซึ่งการเป็นผู้ให้ทำให้เรามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
กิจกรรมในวันว่าง
จะเรียกว่าว่างก็ไม่ได้นะครับ ชีวิตผมก็จะวนเวียนอยู่กับการตัดผม พอว่างก็อาจจะไปสอนบ้าง หรือชวนกลุ่มเพื่อนขับรถไปตัดผมนอกสถานที่กันแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ เราไม่อยากหยุดทำ
สไตล์การแต่งตัวที่ชอบ
ส่วนมากก็ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าหนัง
ของสะสม
ผมสะสมพวกปัตตาเลี่ยน มีดโกน เรียกว่าปัตตาเลี่ยนทุกยี่ห้อที่ผลิตมาบนโลกใบนี้ผมนี้หมดเลยนะ ที่เลือกสะสมของพวกนี้เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในอาชีพของเรา ตื่นมาก็เจอแล้ว ในห้องนอนก็มีตู้โชว์ด้วย
ของรักของหวง
ถ้าเป็นสิ่งของก็ไม่ค่อยมีนะครับ แต่ผมจะรักในอาชีพที่ทำมาก รักการเป็นช่างตัดผม อยากให้วงการนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี ผมถึงได้พยายามจัดงานให้ช่างบาร์เบอร์มารวมตัวกัน มาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์กัน อยากให้ช่างตัดผมมีความสามัคคีกัน
ไอดอลในการทำงาน
ก็มีอาจารย์แม็ก ยูเทิร์น, พี่ทอม Lay Cut, พี่จิ๋ง Hive Salon โดยเฉพาะอาจารย์แม็กเป็นคนที่สอนผมเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับการให้ สอนว่าตอนนี้เรามีแล้ว เราเข้ามาทำอาชีพนี้แล้วเราอยู่ดีกินดีแล้วก็สมควรที่จะตอบแทนสังคมบ้าง นำอาชีพ นำสิ่งที่เราถนัดไปช่วยเหลือสังคมต่อไป
มุมมองต่อวงการบาร์เบอร์เมืองไทย
ในตอนนี้ก็เรียกว่าได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่นเยอะมาก ดูได้จากการที่มีเด็กวัยรุ่นอายุ 16-18 ปีมาเรียนตัดผมกันมาก น่าจะเป็นเพราะได้รับกระแสแฟชั่น และด้วยความที่ในการทำงานบาร์เบอร์เราจะใส่อะไร จะแต่งตัวแบบไหนก็ได้ตามสไตล์ที่เราชอบ เรียกว่ามีความอิสระ เลยทำให้คนหันมาสนใจการเป็นช่างตัดผมแนวบาร์เบอร์มากขึ้นด้วย
สิ่งสำคัญที่ทำให้ก้าวมาถึงจุดนี้
ทำทุกอย่างให้เต็มที่ และทำด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ตัดผมไปแบบฉาบฉวย เราต้องรักษามาตรฐาน ไม่ว่าจะตัดฟรี ตัดให้คนเร่ร่อน หรือตัดให้ลูกค้า ผมจะตัดทุกครั้งอย่างสุดฝีมือ ก็เลยทำให้มาจนถึงจุดนี้ได้
ฝากถึงช่างตัดผมรุ่นใหม่
ตอนนี้จะเห็นว่ามีคนเข้ามาในวงการบาร์เบอร์กันเยอะ แต่ส่วนหนึ่งก็เข้ามาเพราะตามกระแส ตามแฟชั่น ประเภทที่ว่าพ่อแม่มีเงินก็มาเปิดร้านบาร์เบอร์ เปิดไปได้ 2-3 เดือนก็ปิดไป ก็ขอฝากถึงคนที่อยากทำงานวงการบาร์เบอร์จริงๆ ให้ทำงานด้วยใจรัก และมีความตั้งใจ รับรองว่าประสบความสำเร็จ เพราะอาชีพช่างผมไม่วันอดตาย
จากมุมมองและการทำงานตามวิถีบาร์เบอร์ของ “คุณเอ-ศักดิ์ศิริ จุลกะเศียน” ทำให้เราได้รู้ว่า การได้ทำงานที่เรารัก เมื่อเจออุปสรรคก็จะไม่เหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้ และการรู้จักแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้คนรอบข้าง หรือการเป็นผู้ให้นั้น สิ่งตอบแทนที่ได้รับมาก็คือความสุขนั่นเอง
Credit : คอลัมน์ My Style, นิตยสาร Hairworld Plus+ Issue 28