งานแสดงแฟชั่นผม หน้า และเสื้อผ้า ของงานซาลอนอินเตอร์ ลอนดอน ถือเป็นแม่แบบของแฟชั่นผมระดับอินเตอร์ ที่เป็นเหมือนการสร้างเทรนด์แฟชั่นให้อุตสาหกรรมเสริมสวยทั่วโลก เช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่ต้องมีการนำเสนอเทรนด์ต่างๆ ตลอด 2-3 หนต่อปี ในทุกฤดูกาลที่มีการแลกเปลี่ยนแนวความรู้ด้านทำผมที่เปลี่ยนแปลงทุกๆ ปี
เทรนด์สีผม และการดัด การยืดผม คือ แนวทางการสร้างแฟชั่นเพื่อต่อยอดการขายแบบสากลของวงการเสริมสวย แฟชั่นเปลี่ยนเพราะคนรุ่นใหม่ๆ ที่สานฝันแฟชั่นให้ต่อเนื่อง ผู้บริโภคคือคนรุ่นใหม่ “วิดัล ซาสซูล” (Vidal Sassoon) แฮร์สไตลิสต์ระดับตำนานของอังกฤษ เคยกล่าวว่าการที่ได้ออกแบบผม และดูเทคนิคการทำผมกับผลงานช่างรุ่นใหม่ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อาชีพช่างผมสามารถทำงานได้ตลอดชีวิต แต่ต้องมีการศึกษาและพัฒนาให้ดีขึ้น รวมไปถึงเทคนิต อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ จึงทำให้โลกไม่หยุดนิ่ง
อาชีพเสริมสวย คือ วิชาดีไซเนอร์อีกแขนงหนึ่งที่ต้องมีพรสวรรค์ แต่ต้องแยกกันกับด้านธุรกิจการจัดการที่จะทำให้อาชีพของตนเองยิ่งใหญ่และสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ งานซาลอนอินเตอร์ คือ งานรวมช่างผมนานาชาติที่ล้วนมาเรียนรู้แลกเปลี่ยนผลงานกันและกันในทุกๆ ปี เหมือนการมาชมแฟชั่นโชว์ของดีไซเนอร์ที่ปารีส มิลาน ต่างตรงที่แฟชั่นผมที่กำหนดทิศทางของแฟชั่นนั้นต้องมาชมกันเองจะเห็นรายละเอียดการตัด การซอย การทำสี และการแต่งหน้าในเทคนิคใหม่ๆ ของยุคนี้จึงจะได้ผล เคยมีช่างผมระดับโลกหลายท่านกล่าวว่า หากคุณมีร้านเสริมสวยอยู่ข้างมุมตึก แต่ไม่เคยจะเรียนรู้ รับรู้อะไรเลย คุณจะอยู่กับลูกค้าอายุแก่ๆ โดยมิได้รังสรรค์งานใหม่ๆ ได้อีกเลย ช่างผมที่เปิดใจเรียนรู้ในทุกเวลาตลอดชีวิต และพร้อมที่จะปรับปรุงนั้นคือช่างผมมืออาชีพที่จะมีผลงานที่ไม่ตายไปจากโลก
เรามาชมผลงานแฟชั่นผม การทำสี ตัด และซอยกับนางแบบนายแบบ คนรุ่นใหม่คือตลาดของผู้บริโภคทั่วโลกที่เราไม่สามารถเรียนรู้ได้จากอินเตอร์เน็ตหรือยูทูบ เพราะไม่ชัดเจนเหมือนชมจริง สำหรับสถานที่จัดงานนั้นอยู่ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมเอ็กเซล (ExCel) กลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่กว้างใหญ่กว่าเมืองทองธานีสามเท่า มีรถไฟฟ้าวิ่งถึงสะดวก เป็นงานโชว์แฟชั่นผมที่มีทั้งสินค้าใหม่ๆ ด้านการจัดแต่งผมและหน้ามาจำหน่ายในราคาต้นทุนมากก่วา 500 บูท เรามาดูเทรนด์แฟชั่นผมปีนี้ของวิดัล ซาสซูล ที่นำเสนอเทรนด์การตัดซอยและทำสีแบบ Overlocking เทคนิคผมและแฟชั่นมาในแนวปี 1970-1980 ผมบ๊อบซอยไล่ต่างระดับในคอลเล็คชั่นที่เรียกว่า Citizen กับผมดัดอัฟโร่แบบยุค ‘80 คืนสู่เทรนด์แฟชั่นผม งานบาร์เบอร์ไม่ถือว่าเป็นแนวของสถาบันซาสซูลโดยตรง เพราะครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ “ทิม ฮาร์เล่ย์” เขาใช้เทคนิค “คลับบิ้ง คัท” ไล่ด้วยหวีและกรรไกรที่เนียนสวยกว่า และเพิ่มราคาในการตัดได้สูงก่วา เขากล่าวว่าการทำผมโดยปราณีตใช้เทคนิค คือหัวใจของกิจการเสริมสวย เพราะไครๆ ก็อยากได้ใช้ของดีๆ ฉะนั้น จึงมีดีไซเนอร์ผมแจ้งเกิดมากมายในปัจจุบัน
สีผมของสถาบันซาสซูล ใช้สีสันพาสเทล ม่วงอ่อน-บลอนด์ เพลทินัม-แดงเบอร์กันดี-ทอง-บลูเนท น้ำตาลอ่อน-ทองแดง คือเทรนด์ที่ใช้วิธีผสมผสานสีไล่โทนให้เหลือบเฉดต่างๆ ส่วนเสื้อผ้าอยู่ในแนว 1970 ของอดีตดีไซเนอร์อิตาเลียนดังคือ Fiorucci ที่โด่งดังมากในยุคนั้นด้วยเสื้อผ้าทำจากพลาสติกและสีสันสดๆ ขณะเดียวกันสีเสื้อผ้าโทนดำขาวยังคงอยู่ในแนวนิยมของผู้บริโภคในตลาด เช่นเดียวกับผมซอยสั้นแบบทวิกกี้ฝีมือออกแบบของ Vidal Sassoonในยุคปี 1960 ที่เป็นแฟชั่นตลอดกาลเพียงแต่ปรับเปลี่ยนทิศทางการวางมือและกรรไกร
ส่วนเทรนด์แฟชั่นที่เราชื่นชอบไม่แพ้กันคือ สถาบัน Toni & Guy ที่นำเสนอผลงานของพวกเขาผ่านเวทีแคทวอล์คของ London Fashion Week 2019 สีผมสดใส เช่น เขียวตัดชมพู โทนผมสีขาวเงิน ทอง-เขียวพาสเทล-ทองแดง-เหลืองส้ม ผมดัดหยิกแบบอัฟโร่ การเซ็ตผมที่เป็นแนวแฟชั่น การมัดจุกและผมเปียที่มาในแนวใหม่ กับเสื้อผ้าสีสดใสชุดถักโครเชต์ยุค 1970 และการแต่งผมหวีปัดพุ่งไปด้านหลัง ที่ล้วนกลับมาฮิตอีกบนแคทวอล์คทั่วโลก กับแฟชั่นผมของสถาบัน Schwarzkopf Professional ที่นำเสนอเทรนด์แฟชั่นหน้าและผมในยุคปี 1970-1980 ผมสีพาสเทลชมพูอ่อน ม่วงอ่อน สีลูกพีช และผมสีตัดกันอย่างเหลืองและฟ้าน้ำทะเล สีส้มกับเหลือง แนวสีสันของนักร้องดังในยุคนั้นของอังกฤษคือ Adam and The Ants กับเสื้อผ้าและแนวแต่งหน้าเพ้นท์แบบงานศิลปะ ชมผลงานเป็นแนวแฟชั่นสวยๆ แล้วอย่าลืมเข้ามาชมเพิ่มได้ในเฟซบุ๊กหน้าเพจ Pok Chelsea Variety หรือ Blog : www.pokchelsea.com หรือหน้าเพจของ Hairworld Plus+ ครับ
Credit : อ.ป๊อก เชลซี, คอลัมน์ Fashion Variety นิตยสาร Hairworld Plus+